ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 7-8 ต.ค.2564
“การเดินทางเยือน จ.นครศรีธรรมราช ของ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในวันที่ 7 ต.ค. สร้างความลำบากใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่น้อย เพราะการลงพื้นที่ครั้งหลังสุดของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ จ.นนทบุรี คณะของนายกฯ ต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะการรวมตัวกันประท้วงของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ทำเอาคณะของนายกฯ ต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางกันเลยทีเดียว”
เรื่องที่ 329 สำหรับ จ.นครศรีธรรมราชแล้ว แม้ภาคใต้จะเป็นพื้นที่ฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐ (พชปร.) ครึ่งหนึ่งและ พรรคประชาธิปัตย์อีกครึ่งหนึ่ง โดยทั้ง 2 พรรคมี ส.ส.พรรคละ 4 คน กระนั้น ตำรวจก็ยังหวาดหวั่นว่า จะมีการรวมตัวประท้วงการเดินทางมาของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะอย่างที่ทราบว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ปัจจุบันนั้น ไม่ได้เอาทั้งประชาธิปัตย์และพลังประชารัฐ ทำให้ก่อนเดินทางไป ตำรวจ “สภ.นครศรีธรรมราช” ต้องประกาศเตือนวัยรุ่นนครศรีฯ ว่า ด่า-ปาไข่-เผารูป “นายกฯ” ผิด ป. อาญา
ตำรวจนครศรีธรรมราช เตือนว่า การปาไข่ หรือ ไข่เน่า มีความผิด ป.อาญา ม.391 ทำร้ายร่างกาย ลหุโทษ ส่วนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายนั้น ความผิด ป.อาญา 393 ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา หรืออาจมีความผิด ม.326 ข้อหาหมิ่นประมาท
ขณะที่การเผารูปนายกฯ เป็นความผิดทำให้เสียทรัพย์ หรือวางเพลิงได้ ส่วนการนำภาพนายกฯไปลงเฟสหรือไลน์ รวมถึง ในสื่อโซเซียล อาจมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมฯ ที่เข้าข่ายข้อมูลเท็จ ปลอม บิดเบือน ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายทำให้รู้ว่า การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ละครั้งนั้น สร้างความลำบากใจให้เจ้าหน้าที่ไม่ใช่น้อย
เรื่องที่ 330 หลายคนมากับน้ำ แต่จะเป็นใครบางคนที่ต้องไปกับน้ำบ้าง อีกไม่นานได้รู้กัน! รอบนี้ชาวบ้านชาวช่องในหลายชุมชน หลายพื้นที่น้ำท่วม ได้เห็นใจนักการเมืองและคนในโควต้าเดินสายออกเยี่ยมเยียนและมอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กันแบบถี่ยิบ! มุมหนึ่งถือว่าดี เพราะยามนี้ ขวัญและกำลังใจของผู้คนที่ต้องทนทุกข์กับสารพัดปัญหาถาโถมตามมา ล้วนเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ปัญหาโควิดฯ ก็ยังไม่หาย ยังจะมีปัญหาน้ำท่วมขย่มซ้ำเข้าไปอีก สำหรับกระทรวงเศรษฐกิจ หลักอย่างกระทรวงการคลัง รอบนี้ได้เห็นทั้ง ว่าการฯ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลังและ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ขมีขมัน ขยันหนีบและนำเอาทีมข้าราชการกระทรวงการคลัง และผู้บริหารแบงก์รัฐในสังกัด นำโดย “ปลัดตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ร่วมลงพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง
ลำพังเห็นทีมงานของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ก็ไม่น่าแปลกใจ! เป็นนักการเมืองระดับแกนนำพรรค ก็ต้องขยันลงพื้นที่ สร้างบารมีในสายตาของนักการเมืองในพื้นที่ แต่กับ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” ที่ออกเดินสาย เหมือนไม่อยากเจอนักข่าวประจำกระทรวงการคลัง หรือเบื่อเมืองกรุงฯ พอๆ กับเกิดอาการผวา&ระแวง! หากต้องคอยตอบคำถามของนักข่าวจากส่วนกลาง โดยเฉพาะนักข่าวในสายที่ตัวเองกำกับดูแลงานในเชิงนโยบาย สู้ออกเดินสายไปเยี่ยมชาวบ้านจมน้ำดีกว่า ปะหน้านักข่าวท้องถิ่น ตั้งคำถามหนักอย่างไร ก็คงไม่มีเรื่อง “เงินกู้ก้อนใหม่” จะกู้จากไหน ยังไง เท่าไหร่และกู้เป็นเงินบาทหรือดอลลลาร์ หนี้สาธารณะพุ่งจะแก้อย่างไร รายได้ภาษีที่จัดเก็บลดลงจะเป็นปัญหากับงบประมาณไหม?
เรื่องที่ 331 วันที่ 8 ต.ค.นี้ ต้องไม่ลืม รัฐบาลโอนเงินให้กับคนอีก 3 กลุ่ม คือ “ผู้สูงอายุ–คนพิการ-เด็กแรกเกิด” วงเงินขึ้นอยู่กับละแต่กลุ่มและช่วงวัย แจกฟรีๆ เฉลี่ย 600-1,000 บาท/คน ถือว่า ไม่น้อยในสถานการณ์นี้ นอกจากนี้ ยังจะมีการแจกในรอบใหม่ๆ หรือไม่ คงคาดเดาได้ไม่ยากนัก หยั่งว่า อาการ “ซื้อใจ” คนไทยล่วงหน้า ชัดเจนขนาดนี้ หากยังปากแข็งกันต่อไป ก็ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดว่า รัฐบาลใกล้หมดวาระแล้วหรือยัง
เรื่องที่ 332 หลังคนอาจมองว่า ประเทศไทยกำลังล้าหลัง แต่คงนำมาใช้กับภาคธุรกิจของเอกชนไม่ได้ เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทสัญชาติไทย เอ็กโก กรุ๊ป หรือ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศ ความสำเร็จในการเจรจา ขยายธุรกิจพลังงานในต่างประเทศเข้าซื้อหุ้น บริษัท เอเพ็กซ์ คลีน เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง แอลแอลซี (เอเพ็กซ์) มากถึง 17.46 % “เทพรัตน์ เทพพิทักษ์” เอ็มดี เอ็กโก กรุ๊ป บอกว่า การร่วมลงทุนในเอเพ็กซ์ ครั้งนี้ เป็นการลงทุน ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯครั้งแรกของ เอ็กโก กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดพลังงานหมุนเวียนที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้งจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดในโลก และอีก 10 ปีข้างหน้าคาดการณ์กันว่าจะมีพลังงานหมุนเวียนกว่าแสนเมกะวัตต์ไหลเข้าสู่ตลาดนี้
เรื่องที่ 333 เห็นการลงทุน บริษัทสัญชาติไทยในต่างประเทศ ไปได้สวย ก็ชื่นใจ แต่พอหันกลับมาที่บ้านเรา ก็ให้รู้สึกอ่อนใจในทันที โดยเฉพาะ โครงการนำขยะผลิตไฟฟ้า ศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช และหนองแขม ขนาด 1,000 ตันต่อวันต่อแห่ง ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 30 เมกะวัตต์ต่อโรง “กว่า 2 ปีแล้ว” ยังไม่มีอะไรคืบหน้า “ชาตรี วัฒนเขจร” รองปลัด กทม. เปิดใจบอก ตรงๆว่า สาเหตุที่ล่าช้าเพราะคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ยังไม่ออกระเบียบและประกาศรับซื้อไฟฟ้า ทำให้ กทม.ต้องปรับแผนการจัดการขยะใหม่ทั้งหมด ต้องเลื่อนสัดส่วนการฝังกลบให้เหลือ 30% ออกไปอีก 3 ปี จนกว่าโครงการฯ ที่อ่อนนุช และหนองแขมจะเกิดขึ้นได้ ทั้งยังต้องจัดงบประมาณใหม่ในการจ้างเอกชนขนส่ง และฝังกลบเพิ่มขึ้นอีก
“ชาตรี วัฒนเขจร” รองปลัด กทม.บอกยิ่งเล่ายิ่งช้ำใจ แผนการนำขยะมาผลิตไฟฟ้าที่สาย ไหม ที่เตรียมของบประมาณก็ต้องถูกชะลอออกไปด้วย และบริษัทเอกชนผู้ดำเนินโครงการ ก็กำลังเดินหน้าเรียกร้องความเสียหาย ทั้งๆ ที่นโยบายการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าของโครง การนี้ก็ผ่านความเห็นชอบมาแล้ว แผนก่อสร้างศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช และหนองแขมของกทม.ก็มีกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2566 ช่วยกำจัดขยะได้ถึง 2,500 ตันต่อวัน หาก กกพ.ไม่เร่งออกระเบียบรับซื้อไฟฟ้า จะเอาขยะทั้งหมดไปไว้ไหนดีหละ “ชาตรี วัฒนเขจร” รองปลัด กทม. ท่านฝากถามมาครับผม
ก่อนนอน อ่านข่าวสารภายในกระทรวงการคลังกันก่อน ล่าสุด “ปลัดตู่” เพิ่งแต่งตั้ง “พี่เล็ก-บุญชัย จรัสแสงสมบูรณ์” ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าผู้ตรวจ (ตำแหน่ง “อาถรรพ์” ที่สุดในกระทรวงการคลัง) หลังจากก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ “พี่ป๋อม-ชุณหจิต สังข์ใหม่” จากหัวหน้าผู้ตรวจฯ ขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงการคลังรอบที่แล้ว เห็นอย่างนี้แล้ว ผู้ตรวจราชการที่อายุเหลือน้อย ใกล้เกษียณอีก 1-2 ปีนี้ คงจะหนาวๆ ร้อนๆ ไปตามกัน หากหัวหน้าผู้ตรวจขึ้นไปจ่อเป็นรองปลัดฯ ผู้ตรวจที่เหลือต้องฝ่าด่านอรหันต์กันเลยที่เดียว
ขณะที่ปีงบประมาณ2565 มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ระดับอธิบดีเกษียณเพียงคนเดียวคือ “ประภาส คงเอียด” อธิบดีกรมธนารักษ์ กะอีกหนึ่งคนคือ “พี่หนุ่ย-ปานทิพย์ ศรีพิมล” ผู้อำนวยการสคร. แต่ดูวันเดือนปีเกิดแล้ว ได้แถมฟรีอีก 1 ปี เกิดเดือนธ.ค.2505 เกษียณปี2566 เท่ากับ “ปลัดตู่” ทำให้ตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ มีความสำคัญขึ้นมาอีกแล้วครับ ถัดลงมาอีกแถวคือ “ชุณหจิต สังข์ใหม่” ได้รองปลัดคลังปีเดียวก็เกษียณปี2565
ขอต่อไปอีกนิด อนุญาตข้ามไปกรมบัญชีกลางสั้นๆ แต่ได้ใจความ “อุ๋ย-กุลยา ตันติเตมิท” ประกาศ “เจตจำนงสุจริต” นำหน้าทุกๆ กรมของกระทรวงการคลังในปีงบประมาณ2565 ส่วนกรมอื่นๆ เข้าใจว่า ประกาศไปบ้างแล้ว ตั้งแต่ปีงบประมาณที่แล้ว หรือเมื่อ2-3 ปีที่แล้ว คงต้องประกาศ “เจตจำนงสุจริต” กันใหม่ โดยเฉพาะ 3 กรมจัดเก็บภาษีอย่าให้แพ้กรมบัญชีกลางนะ.
โดย นพวัชร์