ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 6-7 ต.ค.2564
“ครบรอบ 45 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 การปราบปรามด้วยอาวุธอย่างรุนแรงต่อนักศึกษาและผู้ประท้วงฝ่ายซ้ายในและบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ รวมถึงท้องสนามหลวง หลังมีการประท้วงต่อต้านการเดินทางกลับประเทศไทยของ “จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี”
เรื่องที่ 323 วันนั้น ในอดีต 6 ตุลา 2519 แตกต่างจาก 14 ตุลา 2516 อย่างสิ้นเชิง เพราะหลังผ่านยุคประชาธิปไตยเบ่งบานได้ไม่กี่ปี นักศึกษาก็ถูกตำรวจใช้อาวุธสงครามปราบปราม เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 46 คน โดยสาเหตุการเสียชีวิตมีทั้งถูกยิงด้วยปืน ถูกทุบตี และถูกเผา ฯลฯ
ผ่านไป 45 ปี 6 ตุลา 2564 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความคึกคัก เยาวชนคนรุ่นใหม่ร่วมกันจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์นองเลือดในอดีต ประกาศก้องว่าจะไม่ลืม ซ้ำยังจะพยายามค้นทางความจริงในปรากฎต่อสายตาประชาคมโลก
มีความเคลื่อนไหวอย่างน่าสนใจจาก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โดย “กฤษฎางค์ นุตจรัส” ทนายความแห่งศูนย์ฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีความพยายามนำตัวผู้บงการในเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ไปขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถทำได้อย่างแน่นอน ประเทศไทยได้เคยร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญากรุงโรมปี 2541 ที่นานาชาติกว่า 160 ประเทศจัดตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศ โดยมีหลักเกณฑ์การนำตัวคนผิดมาลงโทษ เช่น การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารหมู่ทางการเมือง ดูแล้วว่ากรณีเหตุการณ์ 6 ตุลานั้น ตรงตามธรรมนูญของศาลอาญาระหว่างประเทศ
ทนายกฤษฎางค์ กล่าวว่า คดีนี้ไม่มีอายุความตามข้อตกลงระหว่างประเทศ เหตุการณ์แม้ 45 ปีที่แล้วก็จะสามารถนำตัวคนผิดมาลงโทษได้อย่างแน่นอน แม้ไทยจะไม่เคยให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาดังกล่าว ถึงจะเป็นภาคีก็ตาม อย่างไรก็ดี มีเหตุผลหลายประการที่สนับสนุนวิธีคิดนี้ อย่างทรราชหรือนักการเมืองหลายประเทศ ซึ่งถูกออกหมายจับบ้าง ถูกจับบ้าง ทั้งที่รัฐของพวกเขาไม่ได้เป็นภาคีหรือให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาดังกล่าว
เท็จเป็นจริง…จริงเป็นเท็จ! เรื่องที่ 324 บ้านเมืองไทยจึงกลายเป็นสังคมที่ข่าวสารข้อมูล “มั่ว” ได้ติดอันดับต้นๆ ของโลก เพราะไหนจะเฟคนิวส์ ไหนจะไอโอ ทำกันเกลื่อนเมือง แม้แต่คนระดับ “ผู้นำสังคม” ตั้งแต่นายกฯ ยันรัฐมนตรี ยังเคยให้ข่าวผิดๆ อยู่หลายครั้ง เหตุที่สังคมไทย มีคนแชร์ข่าวไม่ตรงข้อเท็จจริง มูลเหตุสำคัญเป็นเพราะฝ่ายรัฐ ปิดกั้นข้อมูล ไม่เผยข้อ เท็จจริง ให้ชาวบ้านชาวช่องได้รับรู้ในทุกข้อมูลข้อเท็จจริงหรือเปล่า? เห็นอะไร รู้อะไร คนไทยถึงได้กระจาย แชร์ข่าวไปทั่วๆ กัน
ล่าสุด ที่ “นพวรรณ หัวใจมั่น” โฆษกดีอีเอส ออกมาเตือนคนไทย อย่าได้เชื่อและแชร์ “ข่าวปลอม” ปมคันกั้นน้ำตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาชำรุด! ก็ถ้า ต้นทางอย่าง กทม.จะออกมาพูดความจริงให้สังคมได้คลายความกังวลใจตั้งแต่ต้นแล้ว มีหรือจะต้องให้โฆษกดีอีเอส ออกมาพร่ำบอกคนไทยในวันนี้ วันที่มวลน้ำก้อนมหาศาล เอ่อล้น ทะลักจากภาคเหลือ และอีสาน เข้าตอนกลางของประเทศ จ่อถล่มใส่เมืองหลวงในอีกไม่กี่เพลาข้างหน้า ภาพน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี2554 ยังคงหลอกหลอนคนไทย ชนิดไม่มีวันเลิกรา ประสาอะไรกับอาการ “นิ่ง” ของคนใน กทม.
เรื่องที่ 325 หวังว่างานนี้ จะไม่มีการ “ฆ่าตัดตอน” ในทางราชการ กับข่าวที่ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ยืนยันจะเอาผิดสถานหนักกับ “3 จนท.รัฐ” ในสังกัดองค์การคลังสินค้า (อคส.) ที่โดนข้อหาที่ทุจริตจัดซื้อ “ถุงมือยาง” 500 ล้านกล่อง วงเงินกว่า 1.12 แสนล้าน หากยังจำกันได้ ช่วงโควิดฯระบาดใหม่ๆ กับข่าวที่เมืองไทย ขาดแคลนถุงมือยาง ทั้งที่บ้านเราเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบ “น้ำยาง” ส่งขายทั่วโลกมากอันดับต้นๆ ทุกสายตาต่างหันมองไปที่ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงล้วนอยู่ในอาณัติของ “คนประชาธิปัตย์” มีเอี่ยวกับเรื่องพรรค์นี้หรือไม่กว่าจะสังคมไทยจะได้เห็นภาพความจริง ล่วงเลยมายาวนาน
ล่าสุด “เกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต” ผอ.อคส. ยืนยันชัด! คณะกรรมการชี้โทษทางวินัยฯ มีข้อสรุป คือ “ไล่ออกทั้ง 3 คน” เหตุเพราะมีความผิดทางละเมิดกฎหมาย จากนั้น อคส.จะดำเนินการชี้มูลความผิดตามมาว่า “ใคร” ต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นมูลค่าเท่าใด แต่ก็อย่างที่เกริ่นตอนต้น หวังว่านี่ จะไม่ใช่การ “ฆ่าตัดตอน” เอากับคนระดับปฏิบัติการ เพราะลำพัง แค่ เจ้า หน้าที่ อคส.ระดับกลางๆ มีหรือจะกล้าเล่นใหญ่กับกองผลประโยชน์มากกว่าแสนล้าน โดยไม่มี “ขาใหญ่” ทั้งในแวดวงการเมืองและข้าราชการประจำ ลงมาคัดท้าย เป็นไปได้อย่างไรกัน เอาเป็นว่าเรื่องนี้ ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะมีใคร “หน้าไหน” ยอมตายกันแค่ 3 คน นี้หรือไม่
เรื่องที่ 326 ลุยงานหนักมากๆ เห็น “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน แล้วเหนื่อยแทน อยากจะวิ่งเสิร์ฟ “ผ้าเย็นๆ” ซับเหงื่อให้เลย เพราะไหนจะงานกระทรวงพลังงาน ประชุมหามาตรการบรรเทาความเดือนร้อนเรื่อง น้ำมันแพง และอื่นๆ อีกร้อยแปด แล้วยังวิ่งไปประชุม ครม.ต่อด้วยการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไป จังหวัดลพบุรี มอบถุงยังชีพ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเบื้องต้นจากอิทธิพลพายุ “เตี้ยนหมู่” และเมื่ออังคารที่ผ่านมา (5 ต.ค.64) ประชุม ครม.เสร็จปุ๊บก็บึ่ง มามอบถุงยังชีพ ตรวดน้ำท่วม จังหวัดนครปฐม อีก โหมลุยงานหนักมากกกก ขนาดนี้ แล้วเก้าอี้จะหลุดไปได้ยังไง..
เรื่องที่ 327 แม้สถานการณ์โควิด ในบ้านเราจะทุเลาลงบ้าง เพราะส่วนใหญ่ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีน แต่เพื่อความไม่ประมาทนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ร่วมกับ สมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูง อายุเดินหน้าโครงการ “สร้างภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทันโควิด-19” ในการให้ความรู้เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ในปัจจุบัน ทั้งการดูแลปกป้องตนเอง การทำ Home Isolation รักษาตนเองที่บ้าน การเร่งตรวจหาเชื้อ เพื่อเป็นความรู้ในการดูแลบุคลากรของ กนอ.อย่างครบวงจร
“วีริศ อัมระปาล” ผู้ว่าการฯ กนอ.บอกว่า ที่ผ่านมา เราขาดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง จึงทำให้โรงงานอุตสาหกรรม มีผู้ติดเชื้อจำนาวนมาก ทั้งยังเป็น “คลัสเตอร์” แพร่กระจายเชื้ออีกด้วย คนป่วยล้นโรงพยาบาล ฉะนั้น ความรู้ที่ได้รับในโครง การนี้ จะนำไปสู่การแบ่งเบาภาระบางส่วนจากบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยลดการแพร่กระจายและลดความเสี่ยงของบุคลากรในการเข้ารับการตรวจหาเชื้อ รวมถึงเพิ่มความรู้เกี่ยวกับการรักษาตัวที่บ้านให้กับบุคลากร หากมีการติดเชื้อ เป็นต้น เพราะเมื่อมีการเตรียมพร้อมที่ดี การรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดในอนาคตก็ไม่น่าห่วงอีกต่อไป แต่จะให้ดีต้อง “อโรคยา ปรมาลาภา” ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ดีที่สุด
เรื่องสุดท้าย 328 อดีตปลัดกระทรวงการคลังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 7 กรรมการคณะกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ที่ลดอัตราส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบใช้บัตรจ่ายเงินล่วงหน้า (Prepaid Card) ให้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) โดยมิชอบที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ต้องมีส่วนรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงินจำนวน 66,060,686,735.94 บาท (ย้ำอีกครั้ง หกหมื่นหกพันกว่าล้านบาท) ท่านอดีตปลัดคลัง “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” ซึ่งเป็น 1 ใน 7 กรรมการ ย้ำว่า “ตัวเองเป็นแมวก้าวชีวิต” เรื่องนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่มีความผิด
เนื่องจากคดีนี้ 1.ไม่ได้ฟ้องกรรมการ แต่ฟ้องอดีตผู้อำนวยการ ทศท. 2.ขาดอายุความนับจากปี2544 จนถึงปัจจุบัน และสุดท้าย ประการที่ 3 กรรมการมี 7 คน แต่ 1 ในนั้นคือ ตัวเองไม่ได้เข้าร่วมประชุม เรื่องทั้งหมดจึงจบลงเพียงแค่นี้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ต้องสอบถาม “พี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ปลัดกระทรวงการคลังว่า จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร ขณะที่ยังเหลืออีกเวลาทำงานในตำแหน่งอีก 2 ปี ก็เกษียณแล้ว
โดย นพวัชร์