ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 28-29 ก.ย.2564
“มีประเด็นใหม่เกิดขึ้น เมื่อ “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่า “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะหมดอำนาจความเป็นนายกรัฐมนตรีลงหรือไม่ เมื่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 158 วรรคสี่ เขียนไว้ว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิด 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”
เรื่องที่ 289 ทั้งนี้ หากตีความตามรัฐธรรมนูญมาตรมาตรา 158 วรรคสี่ นั่นจะเท่ากับว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ถึงปี 2565 เท่านั้น เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2557 และเมื่อถึงปี 2564 ก็จะครบ 8 ปีพอดี
สำหรับรัฐธรรมนูญมาตรมาตรา 158 วรรคสี่ เขียนเหมือนกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 171 วรรคท้าย กำหนดว่า ที่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่า 8 ปีมิได้” ส่วนรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 มาตรา 201 ไม่ได้กำหนดเงื่อนเวลาของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คงจะต้องได้รับการตีความจากศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน เพราะการเขียนรัฐธรรมนูญดังกล่าว สามารถตีความได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น 1.นับอายุการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ปี 2557 2.นับอายุการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ เฉพาะหลังการเลือกตั้งครั้งแรกของรัฐธรรมนูญปี 2560 นั่นก็คือปี 2562 หรือ 3.นับอายุการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้เมื่อปี 2560
เรื่อง 290 “ต้องกล้าเปลี่ยน” “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย (ส.อ.ท.) บอกว่า หลังจากที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาเกือบ 2 ปี พ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่รวมถึงภาคอุตสาหกรรมต่างได้ความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า วันนี้!! ถึงเวลาแล้วที่พ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ และเหล่าบรรดาสมาชิก ส.อ.ท.ต้องกล้าเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ให้เข้าถึงผู้บริโภค ตอบโจทย์ด้านการตลาดในยุคดิจิทัล ประกอบด้วยเทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นตัวช่วยสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร
แต่ยังมีอีก 3 กลยุทธ์คือ แนวทาง Go Online Go Global และ Go Government ที่จะมาสนับสนุนทั้งองค์ความรู้ ช่องทาง เครื่องมือและเงินทุนให้กับผู้ประกอบการและสนับสนุนให้สมาชิกเข้าร่วมโครงการ Made in Thailand เพื่อเพิ่ม โอกาสเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ หากผู้ประกอบการไทยเข้าถึงได้มากเท่าไหร่ก็ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น เพราะตลาดนี้มีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท ที่ผ่านมาผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเอสเอ็มอียังเข้าถึงได้น้อยมาก หากทุกฝ่ายช่วยกันผลักดัน ลดอุปสรรค เปิดให้เอสเอ็มอี เข้าได้รับงานได้ สะดวกขึ้น เศรษฐกิจในประเทศก็จะหมุนเวียนคล่องขึ้นเช่นกัน
เรื่องที่ 291 สินค้าเถื่อนจับเท่าไหร่ก็ไม่หมด ล่าสุดเจ้าหน้าที่ สมอ.ได้ไปบุกทลายโรงงานเหล็กย่านสมุทรสาครพบลักลอบผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน เป็นเหล็กโครงสร้างรูปพรรณกว่า 9,700 เส้น และเหล็กแผ่นม้วนที่ใช้เป็นวัตถุดิบอีก 149 ม้วน กว่า 480 ตัน รวมๆ แล้วมีมูลค่ากว่า 8.6 ล้านบาท เป็นโรงงาน 2 หลัง ติดตั้งเครื่องจักร ขึ้นรูปเหล็ก ตัดเหล็ก 4 เครื่อง ผลิตกัน เป็นล่ำเป็นสัน นำออกมาขายเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ เจ้าหน้าที่เข้าไปจับก็เจอ แต่ของกลาง และเครื่องจักร เจ้าของโรงงานหายจ้อย ความผิดฐานผลิตสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500,000 บาท จะไปลงโทษกับใคร ครับเจ้านาย..
เรื่องที่ 292 ใครที่พอมีภูมิด้านเศรษฐศาสตร์มาบ้าง คงเคยได้ยินและเข้าใจวลีนี้ “เลขฐานต่ำ” นั่น เพราะตัวเลขคาดการณ์ที่ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง หวังจะใช้ทุกกล เม็ด ด้านการบริหารจัดการเชิงนโยบาย ขับเคลื่อนและกระตุ้นเศรษฐ กิจ เพื่อให้จีดีพีของไทยในปี 2565 พุ่งทะยานโตระดับ 4-5% ย่อมถือเป็นสิ่งที่ ไม่ได้ขอมากมายเลย เพราะจีดีพีปี 2564 ถูกคาดหมายจากหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน ไม่ว่าจะสภาพัฒน์ แบงก์ชาติ แบงก์พาณิชย์รายใหญ่ แม้กระทั่งกระทรวงการคลังเอง ต่างเห็นตรงกันว่า จีดีพีปีนี้ ขยายตัวอยู่ที่ 0.7-1.2% การจะปั่นจีดีพีในปีหน้าให้สูงระดับ 4-5% ถือเป็นอัตราการเติบโตที่โตมาจากพื้นฐานของ “เลขฐานต่ำ”
ตรงกันข้าม! หากเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตระดับ 4-5% แล้วจะคาดหวังว่า ในปีต่อไปจะเติบโตได้ในระดับเดียวกันหรือมากกว่าจะเป็นเรื่องยากทันที เพราะมาจากตัว “เลขฐานสูง” นั่นเอง ถึงได้บอกไง “อาคม” กระทรวงการคลังและรัฐบาลชุดนี้ ไม่ได้ขออะไรมากมายเกินจริงเลย ว่าแต่ตั้งเป้าจะดันตัวเลขจีดีพีจาก “เลขฐานต่ำ” แล้วถึงเวลาจริง กลับดันไปไม่ถึงเป้าที่ 4-5% ผู้เกี่ยวข้องจะปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็น “สายลมและแสง” หรือ Sea Sand Sun
ไก่เชือดไก่! ไม่ไกลเกินจริง เรื่องที่ 293 เมื่อ คปภ.ยุคของ “ดร.ไก่-สุทธิพล ทวีชัยการ” เลขาธิการ คนเก่งเปิดปฏิบัติการเชือดไก่ให้บริษัทประกันภัยรายอื่นๆ ได้ดูเป็นตัวอย่าง หลังจาก บอร์ด คปภ.เปิดช่องให้ “ดร.ไก่” ใช้อำนาจนายทะเบียนจัดการ บมจ.เอเชียประกันภัย 1950 ผ่าน 2 ประกาศนายทะเบียนฯ ล่าสุด 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่งทีมผู้บริหาร “ปิดห้องคุย” กับตัวแทน บมจ.เอเชียประกันภัยฯ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ คปภ.ไปควบคุมดูแลให้บริษัทดำเนินการตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดแล้ว โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ
อ้างตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.ประกันวินาศภัย 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ห้ามมิให้กรรมการ พนักงานและลูกจ้างของบริษัทสั่งจ่ายเงินของบริษัท หรือทำการเคลื่อนย้าย หรือจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัท เว้นแต่เป็นการจ่ายเงินเดือนหรือค่า จ้างแก่พนักงานหรือลูกจ้างของบริษัทตามปกติ หรือเป็นการจ่ายเงินตามที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียนประกาศกำหนด เน้น 2 ข้อแรกคือ จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนฯ และคืนเงินค่าเบี้ยประกันภัยให้กับผู้เอาประกันฯ เพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนที่เหลืออีก 6 ข้อ ก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ถึงตรงนี้ขอ บอกว่า สังคมไทยไม่ค่อยได้เห็นปรากฏการณ์นี้บ่อยนัก แต่ที่ “ไก่ต้องเชือดไก่” เพราะถ้าไก่ลงมือเชือดตำแหน่ง “เลขาธิการ” จะกลายเป็นตำนานไปในทันที
เรื่องสุดท้ายก่อนนอน มีข้อคิด 2 ประเด็นคือ 1.กรมธนารักษ์ หลังจากวันก่อนเขียนวุ่นๆ ใน กรมไปแล้ว ยังต้องติตตามตอนต่อไป ความจริงอาจจะไม่ได้โหดร้ายก็ได้ เพียงแต่เราเข้าใจผิดไปเอง โดยเฉพาะตำแหน่งท่านที่ปรึกษาและท่านรองอธิบดี ตอนนี้ เล็กกว่าอธิบดีเพียงนิดเดียว ประเด็นที่ 2 หลายคนเป็นห่วง “อุ๋ย-กุลยา ตันติเตมิต” จะรับตำแหน่งอธิบดีกรมบัญชีกลาง ถือว่า งานช้าง รับศึกหนักในปีงบประมาณ2565 ตั้งแต่ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การเบิกจ่ายเงินผ่านโครงการต่างๆ รวมไปถึงกฎหมายที่เก่าและล้าสมัยของกรมบัญชีกลางถึงเวลาต้องปฏิรูปเป็นอิเล็กทรอนิกส์ บวกงานเก่าคั่งค้างหาคนรับมาผิดชอบไม่ได้ เช่น คดีอุทธรณ์ และความรับผิดในคดีต่างๆ ของทางข้าราชการ เป็นต้น
โดย นพวัชร์