ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 27-28 ก.ย.2564
“เก็บตก “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ตรวจน้ำท่วมเมืองเก่าสุโขทัย จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ ไม่ทราบแน่ แต่ “บิ๊กตู่” ตอนนี้ เดินสายธรรมะแนะชาวสุโขทัยให้สวดมนต์ไล่พายุ ทำให้ถูกเล่นงานอย่างหนัก โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ รุมกระหน่ำมิหยุดหย่อน ยิ่งกว่า “พายุดีเปรสชัน “เตี้ยนหมู่” เสียอีก เพราะน้ำไม่ได้แค่ท่วมภาคเหนือ อีสานและภาคกลางเท่านั้น แต่ยังท่วมไปถึงทำเนียบรัฐบาล และ “พชปร.”
เรื่อง 284 สวดมนต์ไล่พายุ ใครว่า จะจบง่ายๆ เช้าวันถัดมา หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับพร้อมใจกันกันพาดหัวตัวโต ว่า “นายกรัฐมนตรี เสนอชาวบ้านสวดมนต์แก้ปัญหาน้ำท่วม” ทั้งที่โดยปกติแล้ว หนังสือพิมพ์จะไม่ค่อยเล่นข่าวสีสันแนวนี้สักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ มีเกือบทุกฉบับพากันเล่นข่าวนี้
จะว่าไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ “บิ๊กตู่” นำเสนอไอเดียประมาณนี้ ย้อนกลับไป เมื่อเดือน ก.ย. 2562 “พล.อ.ประยุทธ์” ก็แนะนำให้ชาวสุโขทัยเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส อาศัยช่วงน้ำท่วม หันมาเลี้ยงปลา เล่นเอาคนสงสัยกันยกใหญ่เลยว่า ก็น้ำมันท่วม จะให้เลี้ยงปลาได้อย่างไร
ต่อมาเดือนต.ค.2562 แนะให้ชาวบ้านเตรียมที่นาไว้รองรับน้ำท่วม ซึ่งจะเป็นอาชีพใหม่ คือให้เช่า “ที่รับน้ำ” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไม่สามารถทำได้เลย เพราะเมื่อเกิดน้ำท่วม ก็จะท่วมทั่วทั้งบริเวณ ไม่มีที่เหลือไว้รองรับน้ำได้
เหตุผลสำคัญที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ถูกวิจารณ์ถึงทัศนะคติและวิสัยทัศน์อยู่บ่อยๆ มาจากการที่ชอบพูดนอกบท หรือนอกสคริปต์ จึงทำให้หลุดพูดในสิ่งที่ไม่ได้คิดหรือตรึกตรองมาก่อน ความผิดพลาดในการสื่อสาร ส่งผลเสียต่อตัวของนายกรัฐมนตรีนั่นเอง
เรื่องที่ 285 ขานรับนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หลังจาก “บิ๊กตู่” เน้นย้ำทุกครั้งในที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบ และเร่ง ดำเนินงานต่างๆ เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า ล่าสุด “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม (อย่าเขียนผิดไม่มีตำแหน่งควบรองนายกฯ) ได้สั่งการไปยังสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้เร่งออกมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และยังให้ไปจัดทำมาตรฐานเรือไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ สมอ.อยู่ระหว่างแต่งตั้งคณะกรรมการวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมเป็นคณะทำงานจัดทำมาตรฐานเรือไฟฟ้า
“วันชัย พนมชัย” เลขาฯ สมอ. บอกว่า มาตรฐานเรือไฟฟ้าน่าจะเสร็จประมาณ ปี65 มาตรฐานเรือไฟฟ้าที่เพิ่มเติม จะเน้นไปในเรื่องความปลอดภัยครอบคลุมเรือสำหรับใช้รับ-ส่งผู้โดยสาร หรือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางสัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยา หากมาตรฐานเรือไฟฟ้าแล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการต่อเรือไฟฟ้าขึ้นมาไปอีกระดับ เพราะมีนวัตกรรมและมาตรฐานการผลิตที่ได้การยอมรับในระดับสากล สร้างความเชื่อมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ
เรื่องที่ 286 มิจฉาชีพมีหลายรูปแบบจริงๆ ขนาดหน่วยงานรัฐอย่าง กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน หรือ พพ.ยังโดน แอบอ้าง เดือดร้องไปถึง “ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ” อธิบดี พพ. ต้องออกมาเตือนให้ระวัง หลังพบบริษัทบางราย มีพฤติกรรมแอบอ้างในการบริการทำเอกสารประกอบ การขอรับเงินสนับสนุนปรับปรุง เครื่องจักรวัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน และนำโลโก้ พพ.ไปใช้โดยไม่ได้รับการอนุญาต เพื่อสร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ฉะนั้น เพื่อเป็นการรักษาสิทธิประโยชน์และป้องกันการเข้าใจผิดของหน่วยงาน พพ.จึงประ กาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า พพ.ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว หากตรวจพบการกระทำผิดเป็นเหตุให้ พพ.ได้รับความเสียหาย พพ. ก็จะดำ เนินคดีทางกฎหมายให้ถึงที่สุด
“ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ” ย้ำอีกครั้งว่า ขณะนี้ โครงการสนับสนุนการลงทุน เพื่อปรับเปลี่ยน ปรับปรุง เครื่องจักร วัสดุอุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ประจำปีงบประมาณ 2564 ยังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด เงื่อนไขยังไม่ได้มีการประกาศแต่อย่างใด บริษัทใด ใครที่นำชื่อ พพ.ไปแอบอ้าง ขอหยุดพฤติกรรมดังกล่าวสะ มิเช่นนั้นจะถูกขึ้นบัญชีดำหมดอนาคตประมูลงาน!! สุดยอดครับท่าน อย่างนี้ต้องให้ 5 ดาว
เรื่องที่ 286 “นักฉวยโอกาสมีอยู่ทุกๆ ที่” ธ.ก.ส.หรือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ก็โดนเหมือนกัน หลังจัดวงเงิน “หมื่นล้าน” ให้องค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ในสังกัด ก.มหาดไทย กู้ในอัตราดอกเบี้ยแสนถูกเพียง MLR – ไม่เกิน 2.25% ต่อปี หวังจะให้หน่วยงานใต้อาณัติมหาดไทย ตั้งแต่ “อบจ. เทศบาล อบต. เมืองพัทยา หรือ กทม.” กู้ไปสร้างโครงการต่างๆ เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงดึงเอาแรงงานอพยพกลับบ้าน หากมองมุมบวกก็เป็นบวก! แต่อย่างที่รู้กัน บรรดานักการเมืองท้องถิ่นก็ไม่ธรรมดา เมื่อรวมหัวกับผู้รับเหมาในพื้นที่สร้างความไม่ธรรมดา ให้เหนือกว่าธรรมดา กลายเป็นพิเศษ และยิ่งกว่า “พิเศษ” ก็คือ โกงหน้าด้านๆ
ปมที่คนส่วนใหญ่เป็นห่วงคือ พฤติกรรม “สมรู้ร่วมคิด” ที่อาจนำไปสู่การสร้างโครงการประเภท “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” ไม่ก่อประโยชน์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นที่ รัฐบาล กระทรวงการคลัง และ ธ.ก.ส. คาดหวัง ยิ่งเปิดช่องให้ใช้จ่ายได้ไม่ต่างวลี “ตามอำเภอใจ” ด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วงอย่างมาก แม้ว่า ธ.ก.ส.จะตีกรอบ ทั้งเรื่องการขอกู้ ว่าจะต้องผ่านการอนุมัติของสภา อปท. และต้องตั้งวงเงินงบประมาณเพื่อชำระหนี้คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย โดยที่ ธ.ก.ส.จะพิจารณาวงเงินกู้ตามเหตุผลและความจำเป็น แต่เพราะโครงการที่เปิดช่องให้หน่วยงานเหล่านี้ได้กู้ มันกว้างเป็นแม่น้ำ ยิ่งกว่า “แม่น้ำเจ้า พระยาช่วงหน้าฝน” โอกาสที่ 2 กลุ่ม “คนกู้-ผู้รับเหมา” จะละเลงงบที่ได้จากเงินกู้รอบนี้ โดยมีอัตราความสำเร็จในการกระ ตุ้นเศรษฐกิจที่ต่ำมากๆ ก็ย่อมมีสูงเช่นกัน เตือนๆ เอาไว้ก่อน เพราะเงิน “หมื่นล้าน” ที่ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้ ก็คือเงินของแผ่นดินที่มีประชาชนเป็นเจ้าของเงินเช่นกัน
เรื่อง 287 เดือนก.ย. เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ2564 กำลังจะผ่านไป เพื่อย่างเข้าเดือนแรกของปีงบประมาณ2565 คือ เดือนต.ค. ทว่าครึ่งท้ายของเดือนก.ย. หลายพื้นที่ของไทย โดยเฉพาะภาคอีสานรวมถึงภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน กำลังประสบปัญหาน้ำท่วม และมวลน้ำจำนวนมหาศาล กำลังจะถูกปล่อยลงมาตอนล่างของประเทศ นั่นก็หมายความว่า ภาคกลาง ภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพฯ และปริมาณฑณ อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมตามมา เป็นเรื่อง “ปกติ” งบประมาณในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม นอกเหนือจากงบประมาณทั่วไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือเอาไว้บางส่วน เพื่อรับมือกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ก็พอจะมีเหลืออยู่ แต่งบหลักที่จะนำไปใช้แก้ไขเหตุ การณ์ไม่คาดฝัน เช่น ภัยธรรมชาติหนักๆ แบบไม่ทันตั้งตัว อยู่ที่ “งบกลาง” ภายใต้การดูแลของ “นายกรัฐมนตรี” ในปีงบ ประมาณปี2564 รัฐบาลก็ตั้งไว้สูงถึง 600,000 ล้านบาท
บางส่วนของเงินจาก “งบกลาง” ถูกนำไปใช้เพื่อรับมือและแก้ไขปัญหาโควิดฯ แต่ตัวเลขชัดๆ ทางสำนักนายกฯ ยังไม่เฉลยว่า ใช้จริงไปแล้วเท่าไหร่ เหลือพอจะนำไปใช้ในแก้ไขปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ที่มักจะเกิดขึ้นทุกๆ ปี ในช่วง “ปลายฝนต้นหนาว” แม้ว่าปีนี้ ปัญหาน้ำท่วมจะมาเร็วกว่าทุกปี แต่ก็ไม่ควรที่รัฐบาลจะอ้างเหตุ เพราะหมดเงินจาก “งบกลาง” หากเป็นเช่นที่ว่า ก็ต้องถือว่า “รัฐบาลล้มเหลว” ในการบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดิน
ประเด็นสุดท้ายเรื่อง 288 ลงท้ายด้วย 88 ต้องมาตกที่กรมธนารักษ์ ปีนี้ ครบรอบ 88 ปี “พี่หยิม-ยุทธนา หยิมการุณ” ขอทำงานจนถึงวินาทีสุดท้าย ฤกษ์ดีกลับบ้านหมดเวลางานคือ วันที่ 30 ก.ย.2564 ณ เวลา 16.30 น. รวมระยะเวลารับราช การยาวนาน 41 ปี เพื่อนๆ พี่น้องๆ โปรดทราบ ใครว่าง ไม่ได้ไปไหน โปรดมายื่นเข้าแถว “ปรบมือ” กล่าวคำ “อำลา” ท่านอธิบดีกรมธนารักษ์ “พ้นพงหนาม” เพราะวันรุ่งขึ้น วันที่ 1 ต.ค. “อธิบดี” ท่านใหม่ก็จะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
งานนี้ ก่อนจากกัน “คันมือคันไม้” อยากเขียนเรื่องของคนที่ไม่ใช่ “รองอธิบดี” แต่เกือบจะเป็นรองของกรมธนารักษ์ ทำไม่ดีต่อ “พี่หยิม” ไม่ต้องบอกว่า “เรื่องอะไร-ชื่ออะไร” เขียนไปจะหาว่า “สาวไส้ให้กากิน” เมื่อรู้ถึงความผิด “ต้องรีบขอโทษ” เพราะผู้ใหญ่ใจดีแม้ไม่ถือสาเอาเรื่องเอาราว แต่ขอบอกถึงหู “ประภาศ คงเอียด” แน่นอน แล้วจะหนาวไปตามกัน เพราะคุณสมบัติของคนกรมธนารักษ์คือ 1.รักในความซื่อสัตย์ 2.รักในความยุติธรรม 3.รักเพื่อนและมีน้ำใจต่อพี่ๆ น้องๆ แต่คนที่กล่าวถึงทำขาดไป 1 หรือ 2 หรือ 3 ประการ ส่วนที่ปรึกษาและท่านรองฯ คนอื่นๆ มีครบหมดแล้ว แต่ขาดข้อ 3 อย่างน้อยๆ ก็ขอให้คิดนึกถึงตอนเป็นเด็กถูกผู้ใหญ่รังแก พอเป็นผู้ใหญ่ไปรังแกเด็ก ระวังจะอายเพื่อนๆ และเจ้านายเก่า
โดย นพวัชร์