ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 20-21 ก.ย.2564
“ไม่บ่อยนัก บก.ชวนคุย จะเอาเรื่องเศรษฐกิจขึ้นเป็นข่าวนำ เปิดจุดเริ่มต้นของประเด็นในแต่ละวัน ล่าสุด นับว่าโชคดีที่ คปภ. ยุคของ “ดร.ไก่-สุทธิพล ทวีชัยการ” เลขาธิการฯ ดับไฟได้ทัน กรณี “เจอ จ่าย จบ” ชุดขายประกันโควิด-19 ตอนแรกที่ออกมาดูดี บริษัทประกันภัย!! โกยกำไรไปเมื่อปีที่แล้ว มากกว่า 4,0000 ล้านบาท มาปีนี้ โควิดพ่นพิษ บริษัทประกันภัยที่เคยกำไรเป็นกอบเป็นกำ “หดหาย” เปลี่ยนมาเป็น “ขาดทุน” ไม่ใช่แค่ระดับ “ร้อยล้าน” หรือ “พันล้านบาท” แต่รอบนี้คาดว่า ยอดความเสียหายพุ่งทะลุกว่า 10,000 บาท ย้ำอีกครั้ง “หนึ่งหมื่นล้านบาท”
เรื่องที่ 256 ล่าสุด คปภ.สั่งคลอด 3 มาตรการสดๆ ร้อนๆ เพื่อมากำกับดูแลธุรกิจประกันภัย รวมถึงดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้เอาประกันภัย ไม่อย่างงั้น ข่าว “บริษัทประกันภัยเจ๊ง!” จนต้องเลิกจ้างพนักงาน เพราะเอาเงินกองทุนที่มี ไปจ่ายเป็นค่าสินไหนเคลมประกันภัยโควิดฯ จนไม่เหลือสภาพคล่อง ต้องโละพนักงานออกและปิดบริษัทไปในที่สุด เรื่องนี้ “สุทธิพล” ก็ยอมรับว่า มียอดกรมธรรม์ประกันภัยโควิด ณ วันเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนประกันภัยโควิดฯ เมื่อวันที่ 9 เดือน 9 พุ่งสูงถึง 16 ล้านกรมธรรม์ จำนวนนี้ เป็นประเภท “เจอ จ่าย จบ” ถึง 7 ล้านกรมธรรม์ หรือ 43.75% หมายความ เป็นยอดเงินที่บริษัทจะต้องจ่ายทันที ที่พบว่า “ผู้เอาประกันภัยติดโควิด” สูงสุดเท่าไหร่ ก็เอา 16 ล้านกรมธรรม์คูณด้วย 100,000 บาทต่อรายเข้าไป ก็จะได้ผลลัทธ์ที่น่ากลัวออกแล้ว หวาดเสียวจริงๆ ครับ รมว.คลัง!!
วันที่ 30 ก.ย.นี้ คนเกษียณจะได้เฮ เพราะเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน หลังจากนั้นวันที่ 1 ต.ค.ศักดิ์ศรีบรมมีที่เคยมีมากล้นกรม, กองและสำนักงาน เหลือเพียงแต่ตำนานให้จดจำว่า “ท่านดีหรือไม่ดี” “ลูกน้องรักหรือไม่รัก” ต้องไปรอลุ้นกันอีกครั้ง ตอนครบรอบวันเกิดปีที่ 61 มาอวยพรวันเกิน 20 คน ก็ดีกว่าไม่มี เพราะเมื่อถึงวันเกิดปีที่ 65 อาจจะเหลือแค่ตัวคนเดียว ส่วนบุคคลธรรมดา บางคนอาจมีเกษียณ บางคนไม่มีเกษียณเพราะเป็นเจ้าของธุรกิจ แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดขอให้ประกอบอาชีพอิสระ และเป็นสมาชิก กอช.ต้องฟัน “จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ” เลขาธิการ กอช. หากสมาชิก กอช.ที่ถึงวัยเกษียณ จะได้รับเงินเป็นรายเดือนไปเรื่อยๆ จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ยกเว้น! สมาชิกที่เสียชีวิต ทั้งในวันที่เกษียณไปแล้ว หรือยังไม่ถึงเวลาเกษียณ กอช.จะจ่ายเป็นเงินก้อนเดียวและครั้งเดียวให้ไปเลย
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจากปมการเสียชีวิตของสมาชิก กอช. ขอแนะนำให้ สมาชิกที่กำลังตัด สินใจเข้าร่วม “ออมสิน” กับกอช.ในครั้งแรก ได้โปรดระบุชื่อของผู้รับผลประโยชน์ไปเลย ขณะเดียวกัน สมาชิกเก่าที่ยังไม่เคยระบุรายชื่อผู้รับผลประโยชน์ หรือประสงค์จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ สามารถติดต่อดำเนินการได้ที่ทุกสาขาทั่วไทย ของ ธ.ก.ส., กรุง ไทย, ออมสิน และธอส. รวมถึงที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ แล้วยังตรวจสอบข้อมูลผู้รับผลประโยชน์ฯด้วยตนเองได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.” หรือที่ www.nsf.or.th และสายด่วนเงินออม 02-049-9000
เรื่องที่ 257 “ธนาคารเพื่อสังคม” ของ “ธนาคารออมสิน” ได้รับการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ และเป็นรูปธรรมชัดเจนมากสุดในยุคของ “วิทัย รัตนากร” เพราะ “อธส.” ผู้อำนวยการธนาคารออมสินรายนี้ ยอมรับว่า ท่านมาถูกจังหวะ และถูกเวลา ถ้าไม่มีโควิด เราคงไม่เห็นมาตรการดีๆ ออกช่วยเหลือสังคม โครงการพักเงินต้นและดอกเบี้ย โครงการชะลอฟ้องศาลลูก หนี้เอ็นพีแอล และที่สุดยอดจริงๆ คือ โครงการเงินกู้ฉุกเฉินรายละ 10,000 บาท และ 50,000 บาท ผ่านแอปฯ “MYMO” สามารถเข้าถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ได้ถึง 1.3 ล้านคน โดยไม่ต้องมาเปิดบัญชีเงินกู้ที่ธนาคาร และเมื่อรวมตลอดระยะเวลา 13 เดือนที่ผ่านมา ธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชนไปแล้ว กว่า 3 ล้านคน งานนี้ ถ้าใครไม่มอบ ผมขอมอบรางวัล “นายแบงก์แห่งปี” ไปครอบครองตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป
เรื่องที่ 258 นอกจาก ไทยจะเผชิญกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถานการณ์โควิดแล้ว ล่าสุดยังต้องประสบกับปัญหา ในกรณีที่ “อินโดนีเซีย” ได้กำหนดมาตรการลดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ คนที่เดือดร้อนสุดคืออุตสาหกรรมเครื่องใช้ ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของไทย โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ที่ส่งออกสินค้าไปยังอินโดนีเซียมากโขในแต่ละปี งานนี้ร้อนถึง สมอ. ที่เป็นผู้แทนประเทศไทย ปกป้องดูแล ผู้ส่งออกให้ได้รับความสะดวก ไม่ถูกกีดกันทางการค้าจากกฎระเบียบที่ไม่เป็นธรรม “วันชัย พนมชัย” เลขาฯ สมอ.ชี้แจงมาว่า แผนหนึ่งคือ ไปเจรจาผ่อนปรนกับอินโดนี เซีย หากไม่สำเร็จก็เดินหน้าแผนสอง คือนำไปหารือในเวทีการประชุม Committee on TBT ที่ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ที่จะมีขึ้นช่วงเดือนพ.ย.นี้
แต่ที่น่าห่วงอีก คือ “อินเดีย” ได้ประกาศห้ามนำเข้าเครื่องปรับอากาศที่บรรจุสารทำความเย็นแล้ว ทำให้สินค้าตกค้าง บานตะไท ส่วน “ฟิลิปปินส์” กำลังมีมาตรการกำหนดให้ต้องปิดฉลากประหยัดพลังงานที่ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ และหลอดไฟ อีกด้วย โดนเข้าอย่างนี้ ผู้ประกอบการ ถึงกับน้ำตาร่วง หากผลิตสินค้าแล้ว ส่งออกไม่ได้ ก็น่าจะเดาได้ว่าอนาคต จะเป็นอย่างไรต่อไป
เรื่องที่ 259 Solar Rooftop หรือ โซลาร์พลังงานแสงอาทิตย์ วันนี้ นับว่าเป็นธุรกิจที่กำลัง เฟื่องฟู ก้าวหน้า โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรม โรงงาน ล้วนแต่ ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ กันอย่างดาษดื่น เพราะคุ้มค่า คุ้มราคา ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มาก อย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้ธุรกิจการติดตั้ง Solar Rooftop มีการแข่งขันสูง ทั้ง รายเล็ก รายใหญ่ ต่างก็งัดกลยุทธ์ช่วงชิงลูกค้า ..บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT ซึ่งชำนิชำนาญ ด้านธุรกิจโทรคมนาคม ก็ยังเปิดแผนรุกธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์ เซลล์… นอกจากจะติดตั้งแบบจำหน่ายขายขาดให้กับผู้ประกอบการแล้ว ที่น่าสนใจ คือ การติดตั้ง รูปแบบ Private PPA หรือ ALT เป็นผู้ลงทุนให้โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องเสียเงินลงทุนแต่อย่างใด
รอง เอ็มดี ALT “ปรียาพรรณ ภูวกุล” บอกรูปแบบที่ 2 คือ Private PPA ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ให้สนใจเป็นจำนวนมากเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งการลงทุนติดตั้ง และการดูแลรักษาระบบฯ ได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ตามข้อกำหนดในเงื่อนไขสัญญาหากผู้ประกอบการเสียค่าไฟ เดือนตั้งแต่ 100,000 บาทขึ้นไป และมีการใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลากลางวันมากกว่ากลางคืน แนะนำว่าควรติดตั้ง Solar Rooftop แบบ Private PPA เพราะอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 25 ปี ถือว่าคุ้มค่ามากๆ หันกลับมามอง “โซลาร์ภาคประชาชน” ที่ดำเนินการโดย หน่วยงานรัฐ กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง.
วกเข้าเรื่องการเมืองกันหน่อยครับ จะได้นอนหลับฝัน เก็บไว้คุยกับเพื่อนๆ และเจ้านายได้ เรื่องที่ 260 บทเรียนจากศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งล่าสุดทำให้ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ต้องปรับรูปแบบในการทำงาน จากเดิมที่ในสถานการณ์โควิด-19 เช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ มักใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการเวิร์ค ฟอร์ม โฮม คือ ทำงานอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล ไม่ยอมลงพื้นที่จริงๆ
แต่หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ลั่นวาจาเอาไว้ว่า จะลงพื้นที่พบปะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มากขึ้น เพื่อลดระยะห่างระหว่างนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นคนนอกพรรค กับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี
นั่นเป็นที่มาของการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเริ่มจากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ “บิ๊กตู่” ได้มีโอกาสพบปะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ หลายคน
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ชัยนาท ซึ่งก็เป็นพื้นฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐด้วยเช่นกัน โดย 2 เขต พรรคพลังประชารัฐ กวาดเรียบ หนึ่งในนั้นก็คือ “เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย” รมต.สำนักนายก รัฐมนตรี
และวันที่ 22 ก.ย. นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเตรียมนำคณะลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ถิ่นของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม แห่งแก๊งสามมิตร โดยจะถือโอกาสนี้เยี่ยมประชาชน และพบปะ ส.ส.ไปด้วย
แต่ความจริงแล้ว การจะพบปะ ส.ส. พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่ทำทีดูงานไปด้วยก็ได้ เพราะนั่นเท่ากับการทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เพราะการจะพบปะ ส.ส.นั้นง่ายนิดเดียว เพียงแค่นายกฯ ให้คนเชิญ ส.ส.มาร่วมพูดคุย หรือ เดิน ทางไปที่พรรคเวลาที่มีการประชุม ส.ส. เพียงแค่นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะได้พบปะพูดคุยกับ ส.ส.แล้ว
วิธีการนี้ยังได้เนื้อหาสาระกว่าการทำทีว่าลงพื้นที่ตรวจราชการเสียอีก เพราะจะได้รับฟังเสียงสะท้อนความคิดเห็นของ ส.ส.แบบจริงๆจังๆ ไม่ใช่ไปเพียงเผินๆ นอกจากนี้ยังไม่สิ้นเปลืองงบประมาณหลวงอีกด้วย
ยังไม่จบนะครับ เรื่องที่ 261 หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นประธานคณะกรรมการฯ ก็ประกาศเพื่อเพดานก่อหนี้ จากไม่เกิน 60% ของจีดีพี เป็นไม่เกิน 70% ทำให้หุ้นไทยวันเดียวตกลงถึง -22.59 ดัชนีตลาดหลัก ทรัพย์รูดมาอยู่ที่ 1,603.06 จุด แสดงว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโตช้ากว่าการก่อหนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะได้เคยเตือนไปแล้วหลายครั้ง และทุกครั้งกระทรวงการคลังก็ออกมาปฏิเสธว่า “ไม่เป็นความจริง” หนี้สาธารณะยังไม่เกิน 60% เพียงแต่ใกล้แตะ 60% เท่านั้นเอง
เรื่องสุดท้ายก่อนแยกย้ายไปพักผ่อน หลังฟังเรื่องเครียดๆ มาหลายเรื่องแล้ว ล่าสุด อาจเครียดหนักเข้าไปอีก “หม่อง-พชร อนันตศิลป์” อธิบดีกรมศุลกากร ประกาศแบบชัดๆ จากนี้ไป ศุลกากรไม่มี “ศุลการักษ์รุ่นที่ 19 และรุ่นที่ 20 อีกต่อไปแล้ว” เพราะทุกคนคือ “ข้าราชการศุลกากร” การโยกย้ายข้าราชการในรอบนี้ ไม่ได้ดูว่า รุ่น 19 หรือรุ่น20 แต่ดูความสามารถเป็นหลัก “ใครข้องใจขอพบส่วนตัวได้” โปรดรับทราบโดยทั่วกัน และด่วนที่สุด!!
โดย นพวัชร์