ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 9-10 ก.ย.2564
“โปรดเกล้าฯ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมช.แรงงาน พ้นจากตำ แหน่งรัฐมนตรี หลัง ร.อ.ธรรมนัส ยอมรับในความผิดที่บังอาจบีบ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ปรับ ครม.หวังตัวเองได้มีตำแหน่งที่ใหญ่กว่า ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา แต่หารู้ไม่ชายชาติทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ยอมจำนนให้ใครง่ายๆ ผลสะท้อนของนายพล จึงสั่งเด้งผู้กองยอดรัก ร.อ.ธรรมนัส ก่อนเป็นอันดับแรก”
เรื่องที่ 207 จับตาอนาคตทางการเมืองของ “ร.อ.ธรรมนัส” หลังจากนี้ ไม่แน่ว่าอนาคต “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.) อาจขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่เจ้าตัวอาจลาออกจากพรรคเองแล้วไปตั้งก๊กใหม่ ฟอร์มทีมรอสู้ศึกการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า ไม่มีใครที่จะบีบบังคับหรือต่อรองกับ 3 ป.ได้ พลังอำนาจของ 3 ป.นั้น ยิ่งใหญ่ ไร้เทียมทานจริงๆ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา “ป๊อก” และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา)
แต่หากใช้พลังอำนาจมากเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อตนเองและพวกพ้องด้วยเช่นกัน ในอนาคต ประเด็นการเมืองคงร้อนแรงอย่างแน่นอน แม้ พปชร.ไม่แตก แต่ก็มีรอยร้าวเกิดขึ้น ต้องจับตาอย่ากระพริบใน 3 ประเด็นหลักคือ 1.การแก้ไขรัฐธรรม นูญปี2560 จะเอื้อพรรคใหญ่ในสนามเลือกตั้งนั้น จะผ่านหรือ ไม่ผ่าน ต้องพึ่งมือสว.ช่วยโหวต ถึงจะเป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยจริงๆ หรือแค่ฉาบฉวย
2.การลาออก 2 “ธรรมนัส” และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” จะก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนระดับบนตามมาอย่างแน่นอน “บิ๊กตู่” อาจถือจังหวะนี้ ขอลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะได้ไม่เสียหน้าแม้ได้รับความไว้วางใจแม้เกือบโหล่ก็ตาม พร้อมปั้น “บิ๊กป้อม” หรือบรรดาบิ๊กๆ ที่ไว้ใจ ให้ได้สมหวังได้ขึ้นเป็นนายกฯ เตรียมพร้อมศึกเลือกตั้งทั่วไปอย่างเร็วก็ต้นปีหน้า
และ 3. งานนี้ คอการเมืองมีให้ลุ้นว่า “เพื่อไทย” จะเข้าร่วมพรรครัฐบาลหรือไม่ หรือมีความเป็นไปได้ว่า จะได้เห็น”รัฐบาลแห่งชาติ” เพราะระยะหลังมานี้เห็น “Tony” แกฟิตเหลือเกิน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปตามสุภาษิตจีนที่ว่า “ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา”
เรื่องที่ 208 จับตาการประชุมร่วมกันรัฐสภา วันนี้ (10 ก.ย.) ส.ส. และ ส.ว.ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 เปลี่ยนระบบเลือกตั้งใช้บัตร 2 ใบ แบ่งเป็น ส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้จะผ่านได้ ต้องอาศัยการโหวตด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา โดยสมาชิกรัฐสภามีทั้งหมด 730 คน เกินกึ่งหนึ่งคือ 365 เสียง นอกจากนี้ยังต้องมีเสียง ส.ว.เห็นชอบด้วยเกิน 1 ใน 3 หรือ 84 คน และต้องมีเสียงของฝ่ายค้านสนับสนุนเกิน 20 เปอร์เซ็นต์ด้วย
“สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พูดถึงความจำเป็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ว่า เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำให้ได้พรรคเล็กพรรคน้อย เป็นเบี้ยหัวแตกเต็มไปหมด ได้รัฐบาลผสมมากที่สุดในโลก มีการย้ายพรรค ยุบพรรคแบบพิสดาร และที่ร้ายแรงที่สุดคือเปิดโอกาสให้มีการใช้เงินใช้ทอง ลักษณะประชาธิปไตยแบบกล้วยๆ แบบที่เพิ่งเห็นกันเมื่อไม่กี่วัน
ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอย่างก้าวไกล กลับเห็นต่าง โดย “ธีรัจชัย พันธุมาศ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล บอกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการนำระบบ 2540 มาใช้ และนำไปสู่ปัญหามากมาย เป็นการกินรวบของพรรคการเมืองพรรคใหญ่พรรคเดียว เราต้องการเห็นพรรคเล็กๆเข้าสู่สภา เพื่อเป็นปากเสียงให้กับคนกลุ่มเล็ก การแก้ไขครั้งนี้ประชาชนไม่ได้ประ โยชน์อะไร แต่เป็นประโยชน์กับพรรคการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
จะเห็นว่า แม้แต่ฝ่ายค้าน ที่มีเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังตกลงกันเรื่องนี้ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้จะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ส.ส.เพียงอย่างเดียว แต่ ส.ว.ยังมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ แน่นอน หากร่างฯต้องตกไปเพราะ ส.ว. บรรดา ท่าน ส.ว.ย่อมจะตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
แม้ท่านจะไม่สนใจข้อควรพิจารณานี้เลยก็ตาม
คุยประเด็นทางด้านสังคมกันบ้าง เรื่องที่ 209 ขยะล้นเมือง…ไ ม่ว่าที่ไหน จังหวัดใด โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว “ขยะ” ถือว่าเป็นปัญหาอันดับต้นๆ ที่ต้องเร่งจัดการ แต่ก็ไม่สามารถจัดการได้หมดสักที เพราะมีเพิ่มขึ้นทุกวัน เพิ่มขึ้นร้อย แต่กำจัดได้ไม่ถือสิบ สุดท้ายก็ทั่วหัว ล้นเมือง ยิ่งในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ปริมาณขยะพลาสติกยิ่งเพิ่มขึ้นถึง 15 % โดยเฉพาะขยะพลาสติก เพิ่มขึ้นจาก 5,500 ตันต่อวัน เป็น 6,300 ตันต่อวัน และสามารถนำเข้าสู่ระบบรีไซเคิลได้เพียง 23% เท่านั้น
ที่ผ่านมารัฐบาล ได้มีเป้าหมายในการนำขยะพลาสติกกลับมารีไซเคิล 100% ภายในปี 2570 ปีนี้ 2564 อีก 6 ปี จะได้เห็นขยะพลาสติกกลับมารีไซเคิล 100% รึเป่าไม่รู้ รู้แต่บริษัท ดาว ประเทศไทย หรือ Dow ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย หรือ วว. วิจัยและพัฒนา โดยนำเทคโนโลยี และนวัตกรรม มาแก้ปัญหาขยะชุมชนและพลาสติกที่ใช้แล้ว ปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มมูลค่าขยะรีไซเคิล ตอนนี้ นำร่องไปแล้ว ที่ ชุมชนวังหว้า อ.แกลง จังหวัดระยอง ชุมชนมีรายได้เพิ่มเพราะขยะรีไซเคิล “ฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย” ประธานกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย บอกมาว่า หากโครงการนี้สำเร็จ จะมีการถอดบทเรียนมาเป็นคู่มือให้กับชุมชนอื่นต่อไป…
เรื่องที่ 210 พิษโควิด-19 ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าและต้นทุนโลจิสติกส์ เพิ่มขึ้น กองโลจิสติกส์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงได้เร่งหาช่องทางช่วยเหลือ โดยเฉพาะ SMEs ที่กระทบหนัก ด้วยการเปิดโครงการเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการโลจิสติกส์ฯ ปี 2565 เป้าหมายคือให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการ เน้นอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ,อาหารและอาหารแปรรูป ,ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ,ชีวภาพ พลังงาน-เคมีชีวภาพ และผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ทั้งผู้ประกอบการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม และผู้ให้บริการคลังสินค้า ผู้อำนวยการกองโลจิสติกส์ “ชลาริน นิลพิฤกษ์” บอกว่า ตั้งแต่ปี 2560 – 2564 มี ผู้ประกอบการ ร่วมอบรมโครงการเพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการโลจิสติกส์ฯ กว่า 1,380 ราย สามารถลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้กว่า 5,364 ล้านบาท ส่วนโครงการล่าสุดนี้ ตั้งเป้าช่วยเหลือสถานประกอบการ 200 แห่ง ลดต้นทุนให้ได้ 1,200 ล้านบาท ช่วยได้ตามเป้า SMEs คงมีกำไรเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย…
เรื่องที่ 211 “เจอ จ่าย จบ” ปะทะ “เจอ ไม่จ่าย ไม่จบ” กลุ่มบริษัทประกันภัย หลังชะล่าใจ กับสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิด ขึ้นเมือปี2563 ฟันเงินประกันภัยโควิดฯ ไปเต็มๆ ประมาณ 4,200-4,400 ล้านบาท เพราะมีผู้ติดเชื้อจำนวนน้อยมากๆ ยอด “เคลมประกัน” ความเสี่ยงก็ลดลง เรียกว่า “ละโมบโลภมาก” ก็ไม่ผิด
ปี2564 บริษัทประกันภัยหลายค่ายจึงแห่อัดโปรโมชั่น เสนอขายประกันฯ “เจอ จ่าย จบ” ช่วงต้นปีถึงกลางปี 64 จนยอด ขายทะลุ 18 ล้านกรมธรรม์ สูงกว่าทั้งปีของปี2563 ถึง 2 เท่าตัว แต่พอสถานการณ์เปลี่ยน จากเชื้อไวรัสโควิด สายพันธุ์อู่ฮั่น กลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ “เดลต้า” แพร่ง่าย ติอเชื้อไว และอาการรุนแรงกว่าเยอะ! เลยโดนหนักสุด เฉพาะยอดเคลมสินไหมทดแทนที่จ่ายออกไปแล้ว เลขาธิการ คปภ.ยืนยัน ตัวเลขยอดเคลม ณ 15 ส.ค.2564 รวมกันกว่า 9 พันล้านบาท และยังมีที่ยังตกค้างไม่ได้จ่าย จนกลายเป็นข่าวใหญ่ในทุกวันนี้ อีกเพียบ! ร้อนถึง สำนักงาน คปภ.ต้องลงมาจัดการปัญหานี้ หลังได้รับการร้องเรียนเป็นจำนวนมากจาก “ผู้เอาประกันภัย” และญาติของผู้เสียชีวิตที่ได้ซื้อประกันภัย “เจอ จ่าย จบ” เอาไว้ น่าสนใจว่า สำนักงาน คปภ. ภายใต้การนำของ “สุทธิพล ทวีชัยการ” จะแก้ปัญหานี้ให้จบได้จริงหรือไม่?
เรื่องที่ 212 ช่วงนี้ มีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาการลักลอบขนบุหรี่เถื่อนมาขายแข่งกับบุหรี่ถูกกฎหมายเยอะมาก จะว่าผู้ค้าในระบบไม่ทนก็ไม่ได้ เพราะยุคสมัยนี้ มีการลักลอบขนบุหรี่หนีภาษีจากชายแดนมาเลยเซีย และกัมพูชามากเกิ๊น!! จน เจ้าหน้าที่ของรัฐตามจับไม่หวาดไม่ไหว หากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “เมียนมา” ไม่มีปัญหาสงครามกลางเมืองล่ะก็ บุหรี่เถื่อนจากชายแดนด้านนี้ คงไม่น้อยหน้าชายแดนฝั่งอื่นแน่!
สมาคมผู้ค้ายาสูบไทย ภายใต้การนำของ “วราภรณ์ นะมาตร์” จึงแห่เดินสายร้องเรียนต่อหน่วยงานรัฐ เฉพาะในสังกัดกระทรวงการคลังคลัง ทั้งกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิต ต่างก็ผุดมาตรการออกมาแก้ไขปัญหาลักลอบขนบุหรี่เถื่อนเป็นแถว กรมศุลกากรยุค “พชร อนันตศิลป์” ออกไป 6 มาตรการ ส่วนกรมสรรพสามิต ภายใต้การนำของ “ลวรณ แสงสนิท” ออกตามมาอีก 3 มาตรการ หวังว่า ไม่ “ลูบหน้าปะจมูก”
โดย นพวัชร์