ไปรษณีย์ไทยเผยยอดพัสดุต่อวันโต 60%
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ขอบคุณพลังน้ำใจคนไทยที่ร่วมกับไปรษณีย์ไทยในโครงการ “ส่งความห่วงใย ส่งให้ สู้ภัย COVID-19” ส่งต่ออุปกรณ์ทางการแพทย์กว่า 2 ล้านกิโลกรัม ถึงปลายทางโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เผยในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ยังส่งผลให้ปริมาณสิ่งของผ่านระบบขนส่งโลจิสติกส์เพิ่มสูง กว่า 60% จากปริมาณงานปกติต่อวัน ผลพวงจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซและมาร์เก็ตเพลสในโลกออนไลน์
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา ไปรษณีย์ไทย ในฐานะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มุ่งเป็นองค์กรหลักในด้านการสื่อสารและขนส่งเพื่อขับเคลื่อนสังคมให้เดินหน้าต่อได้ในภาวะวิกฤติ พร้อมดำเนินโครงการ “ส่งความห่วงใย ส่งให้ สู้ภัย COVID-19” จัดส่งหน้ากากอนามัย หน้ากากอนามัยชนิด N95 ชุด PPE และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางแพทย์ จากประชาชน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 มีปริมาณธารน้ำใจจากคนไทยร่วมกันส่งหน้ากากอนามัย อุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังโรงพยาบาลทั่วประเทศ และสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิต ให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งไปรษณีย์ไทยจัดส่งตรงถึงทุกแห่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย รวมกว่า 2 ล้านกิโลกรัม
นอกจากนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ภาครัฐได้มีมาตรการอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ เว้นระยะห่างทางสังคม การปิดห้างสรรพสินค้า และร้านค้าเป็นการชั่วคราว ยังส่งผลให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมาก ทำให้การส่งสิ่งของผ่านระบบขนส่งโลจิสติกส์เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ไปรษณีย์ไทยในฐานะหน่วยงานด้านการสื่อสารและขนส่งของชาติ มีการให้บริการรับฝากส่งสิ่งของเข้าสู่เส้นทางไปรษณีย์เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปริมาณงานปกติต่อวัน ซึ่งยอดส่งพัสดุสิ่งของของคนไทยที่เพิ่มขึ้นนี้ ส่วนใหญ่เป็นผลพวงมาจากการเติบโตของอีคอมเมิร์ซและมาร์เก็ตเพลสในโลกออนไลน์
“ไปรษณีย์ไทยขอขอบคุณคนไทยที่ให้ความเชื่อมั่นและเลือกใช้บริการไปรษณีย์ไทย โดยเราได้พัฒนาและยกระดับบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ ทั้งกลุ่มอีคอมเมิร์ซ หรือร้านค้าที่ได้รับผลกระทบและเปลี่ยนผ่านจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ และผู้ที่เปลี่ยนมาซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการให้บริการเพื่อสังคม เป็นบริการพื้นฐานเคียงคู่คนไทย และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากผ่านเครือข่ายไปรษณีย์ไทย ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจหลังภาวะวิกฤติผ่านพ้นไป” นายก่อกิจ กล่าวทิ้งท้าย