ฉั่วฮะเส็ง เปิดตัวน้ำพริกเผาสูตรทาขนมปังหลอดบีบ
น้ำพริกเผา ฉั่วฮะเส็ง จากกระป๋องเหล็ก สู่น้ำพริกเผาสูตรทาขนมปังหลอดบีบ
ฉีกกฎความอร่อยในทุกรูปแบบ ด้วยการทาขนมปังแบบ new normal
ฉั่วฮะเส็ง น้ำพริกเผาในตำนานที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 75 ปี กับการปรับตัวครั้งใหญ่ ขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ พัฒนาผลิตภัณฑ์ออกน้ำพริกเผาสูตรใหม่! สูตรทาขนมปังแบบหลอดบีบ ภายใต้ชื่อ “ฉั่วฮะเส็ง สควีซ” ใส่ใจด้วยดีไซน์พิเศษซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่แรกและที่เดียว ด้วยปากหลอดรูปทรงเนียนแบน ทำให้สะดวก บีบง่าย เนื้อเนียนเรียบ ผลิตจากด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ พร้อมปรับภาพลักษณ์อัดแคมเปญโฆษณา มั่นใจขึ้นแท่นท็อปแบรนด์น้ำพริกเผาครองใจผู้บริโภค
วิสิทธิ์ ศุภเมธาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฉั่วฮะเส็ง ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด กล่าวว่า “ฉั่วฮะเส็ง เติบโตอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลมาจากแบรนด์ฉั่วฮะเส็งที่เป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าน้ำพริกเผา โดยเฉพาะในตลาดร้านอาหารและโรงแรม จุดแข็งคือความปราณีต พิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียดภายใต้ปณิธานการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดต่อลูกค้า ปัจจุบันฉั่วฮะเส็งได้มีการปรับรูปแบบการบริหารในเชิงไฮบริด เพิ่มความรวดเร็ว และยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก พร้อมตอบโจทย์ความต้องการใหม่ๆ จากลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยสัดส่วนรายได้ภายในบริษัทฯ มาจากสินค้าไฮไลท์หลัก ได้แก่ น้ำพริกเผา 70% รองลงมาคือ น้ำมันพริกเผา น้ำจิ้มไก่ ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ และน้ำจิ้มบ๊วยกอ โดยมียอดขายภายในประเทศอยู่ที่ 70% และอีก 30% เป็นยอดขายจากตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ ฉั่วฮะเส็ง ยังมองเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ ด้วยการลงทุนเพิ่มสายการผลิตใหม่สำหรับน้ำพริกเผาฉั่วฮะเส็งสควีซ เพื่อเป็นการนำร่องสู่กลุ่มลูกค้า B2C (Business to Consumer) มากขึ้น เพิ่มความสะดวกและความแปลกใหม่ในการบริโภคให้แก่กลุ่มคนรุ่นใหม่ พร้อมเตรียมพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้มาตรฐานความอร่อย ปลอดภัย ความเข้าใจในตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง”
กุลฤทัย พรหมบันดาลกุล ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และการตลาด บริษัท ฉั่วฮะเส็ง ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด กล่าวว่า “ฉั่วฮะเส็ง ได้มีการทำวิจัยเพื่อเก็บข้อมูล และเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าคนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มที่ชอบมองหาความแปลกใหม่ และความสะดวกสบาย ประกอบกับมีพฤติกรรมการบริโภคน้ำพริกเผาอยู่ 3 รูปแบบ คือ ต้ม ผัด และทาขนมปัง จึงเป็นที่มาของการพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่น้ำพริกเผาสูตรทาขนมปังหลอดบีบ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ทั้งความต้องการ และพฤติกรรมการบริโภคอย่างแท้จริง เป็นที่มาของการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำพริกเผาสูตรใหม่! สูตรทาขนมปังแบบหลอดบีบ ภายใต้ชื่อ ‘ฉั่วฮะเส็ง สควีซ’ ซึ่งนอกจากรสชาติความอร่อยแล้ว น้ำพริกเผาสูตรทาขนมปังหลอดบีบยังมีจุดขายที่สำคัญอยู่ตรงที่เป็นน้ำพริกเผาเนื้อละเอียด คัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติ เพราะ เทรนด์การรักสุขภาพ เป็นเทรนด์ที่มาแรงมากสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจในคุณภาพชีวิต และคัดสรรสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง ฉั่วฮะเส็ง จึงเลือกใช้น้ำมันรำข้าว 100% ไม่ใส่สี ไม่ใส่ผงชูรส เพื่อให้ได้น้ำพริกเผาที่สด สะอาด ปลอดภัยที่สุด พร้อมใส่ใจกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอน ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้ออันทันสมัย ช่วยให้น้ำพริกเผามีอายุยาวนานขึ้น แต่ยังคงความหอม อร่อย กลมกล่อม ตามแบบฉบับของน้ำพริกเผา ฉั่วฮะเส็ง อีกด้วย”
นอกจากนี้ เมื่อกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่มีพฤติกรรมการชอบอะไรแปลกใหม่ เบื่อกับความซ้ำซากจำเจ ฉั่วฮะเส็ง จึงฉีกกฎด้วยความอร่อยในรูปแบบใหม่ ผนวกการกินไว้กับความสนุก นั่นคือหลอดบีบที่นอกจากจะกินง่าย สะดวกแล้ว ยังสนุกทุกครั้งเมื่อได้บีบน้ำพริกเผาฉั่วฮะเส็งออกจากหลอด ซึ่งปากหลอดได้มีการออกแบบเป็นพิเศษโดยเฉพาะ ทำให้ได้เนื้อน้ำพริกเผาที่ บีบง่าย เนื้อเนียน เรียบกริ๊บ ไม่ต้องเกลี่ยให้เลอะเทอะอีกต่อไป นอกจากนี้ยังสามารถวาดลวดลายได้ตามใจชอบอีกด้วย สู่การสร้างสรรค์หลากหลายเมนู ทั้งทาขนมปัง ทาไส้เครปหมูหยองพริกเผา ผสมทาแซนวิช หรือเมนูเบเกอรี่ เป็นต้น พร้อมผนึกความอร่อย โคแบรนด์ กับพาร์ทเนอร์ชื่อดัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์หลักของ ฉั่วฮะเส็ง ในการขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย สร้างการจดจำผลิตภัณฑ์ รวมทั้งทำให้เกิดประสบการณ์ตรงกับผลิตภัณฑ์ นั่นคือการโคแบรนด์ (Co-Branding) กับ อาฟเตอร์ ยู ร้านขนมหวานชื่อดัง ร่วมกันสร้างสรรค์เมนูขนมปังหมูหยองพริกเผา CHUA HAH SENG X AFTER YOU จากน้ำพริกเผาสูตรต้นตำรับฉั่วฮะเส็งสู่ขนมปังหมูหยองพริกเผามาให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ลิ้มรสความอร่อย พร้อมปรับภาพลักษณ์เดิม โดยเลือกใช้แคมเปญโฆษณาในรูปแบบใหม่อย่างครบวงจร
ลิ้มรสความอร่อยด้วยการทาขนมปังแบบ NEW NORMAL กับน้ำพริกเผาสูตรทาขนมปังหลอดบีบ “ฉั่วฮะเส็ง สควีซ” ขนาด 150 กรัม ราคา 39 บาท ได้แล้ววันนี้ที่ 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ ติดตามความอร่อยเพิ่มเติมได้ที่ http://www.chuahahseng.com/ หรือ www.facebook.com/chuahahseng/