อาม่า 3G+ สร้างจุดขาย ชูระบบ SOS
อาม่า 3G+ สร้างจุดขาย ชูระบบ SOS ตอบโจทย์“ผู้รู้ใจด้านคนสูงวัย”
อาม่า โฟน ส่งมือถือ อาม่า 3G+ (RMA 3G Plus) ปลุกกระแสให้หันมาดูแลผู้สูงวัยและคนใกล้ตัว เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันมีผู้สูงวัยและสตรีจำนวนมากที่เสี่ยงต่ออันตรายของจากผู้ไม่หวังดี ทั้งประทุษร้ายต่อทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกายหรือล่วงละเมิดทางเพศ จนถึงขั้นก่ออาชญากรรมซึ่งมีจำนวนทวีคูณมากขึ้น
คุณสุรินทร์ อมรชัชวาลกุล ประธานบริหาร บริษัท อาม่า โฟน จำกัด กล่าวว่า “เรามีจุดแข็งด้วยระบบ SOS เป็นจุดขาย จึงเป็นมือถืออัจฉริยะที่นอกจากจะช่วยให้ติดต่อสื่อสารกันแล้ว ยังช่วยเหลือผู้สูงวัยและผู้ประสบภัยในยามวิฤตได้เป็นอย่างดี โดยกลุ่มลูกค้า นอกจากจะเน้นไปที่ผู้ใช้ที่เป็นผู้สูงวัยแล้ว เราเริ่มเจาะกลุ่มที่เป็นผู้หญิงให้มากขึ้น เนื่องจากความพิเศษที่ใช้ง่านคล่องตัว มีน้ำหนักเบา มีปุ่มโทรด่วน (Speed Dial) ซึ่งคาดว่ากลุ่มลูกค้าใหม่นี้ น่าจะโตขึ้นอีกราว 20% ในครึ่งปีหลังนี้ โดยแผนการตลาดในอนาคตที่เราวางไว้ นอกจากจะชูจุดขายที่แข็งแรง คือ SOS ของเราแล้ว และกำลังพัฒนา แอพพลิเคชั่นบางตัวขึ้นมา ซึ่งในเวลานี้ยังไม่สามารถระบุได้ในรายละเอียด แต่ไม่เกินปลายปีนี้แน่นอน ”
สำหรับมือถือ RMA 3G Plus ราคาเพียง 1,490 บาท มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร ด้วยขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ขนาดเพียง 5 ซม. X 11.5 ซม.ปุ่มกดใหญ่พอดีกับนิ้ว และตัวเลขใหญ่เห็นได้ ชัดเจน มีระบบการโทรด่วนหาเบอร์ที่ใช้บ่อยได้ง่าย กล้องหลังใช้ง่าย และปุ่มล็อคด้านข้างถนัดมือต่อคน สูงวัย มีไฟฉายที่ด้านข้างมือถือ สไลด์ง่าย สามารถรับฟังวิทยุ FM มาพร้อมสายคล้องคอพกพาสะดวกไปได้ทุกที่ แบตเตอร์รี่อึด ทนนาน สแตนด์บายได้ 4-5 วัน และที่เป็นจุดเด่นของ RMA 3G Plus คือ ระบบ SOS แจ้งเหตุร้าย ด้วยปุ่มกดขอความช่วยเหลือด่วน ที่สามารถส่งถึงผู้รับได้อย่างรวดเร็วจำนวนมากถึง 5 รายชื่อที่บันทึกเบอร์เอาไว้ และด้วยเสียงไซเรนอันดังชัดจากเครื่อง ระบบ SOS จะทำให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลได้ยินเสียงจากเครื่องได้ชัดเจน ด้วยคุณลักษณะที่ครบถ้วนและตอบโจทย์การใช้งาน จึงทำให้ RMA 3G Plusเป็นมือถือที่ “รู้ใจคนสูงวัย” ได้เป็นอย่างดี