เปิดเคล็ดลับ ‘ซันซุ เยลลี่ บุก 0 แคล’
“ซันซุ เยลลี่ บุก 0 แคล” ขนมทานเล่น ภายใต้สโลแกน “อยากทำให้คนทั้งโลก ได้กินของอร่อยแบบที่ไม่รู้สึกผิด” ยังคงฮิตติดกระแสลมบน แบบแรงดีไม่มีตก แม้ว่าจะวางจำหน่ายใน เซเว่น อีเลฟเว่น มาแล้วถึงปีกว่าๆ ก็ตาม แต่ยังคงเป็นที่กล่าวถึงของเหล่านักชิมและบรรดานักรีวิว รวมไปถึงผู้บริโภคทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง จนขึ้นแท่นหนึ่งใน SME ดาวรุ่ง พุ่งแรง น่าจับตามองของเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มียอดขายสูงถึงกว่า 170 ล้านบาทในระยะเวลาเพียงปีกว่าๆ เท่านั้น
อะไรที่ทำให้ “ซันซุ เยลลี่ บุก 0 แคล” กลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมในระยะเพียงไม่นาน ซึ่งผู้ที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก 2 ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ซารต์ – ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช และ กานต์ – อรรถกร รัตนารมย์ จากช่องแบร์ฮัก (Bearhug Channel) ที่มีผู้ติดตามกว่า 3.7 ล้านคน และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซันซุโซลูชั่น จำกัด เจ้าของแนวคิดและผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ “ซันซุ” (Sunsu)
คิดต่าง ปลดล็อกทุกขีดจำกัด เติมเต็มสิ่งที่ขาด
2 ผู้บริหารแห่ง ซันซุโซลูชั่น เล่าย้อนความให้ฟังว่า “ซันซุ เยลลี่ บุก 0 แคล” เกิดขึ้นจากความชื่นชอบส่วนตัวของ ซารต์ ที่ชอบทานเยลลี่สไตล์ญี่ปุ่นที่มีเนื้อสัมผัสหนึบ เหนียว นุ่มมาก แต่ติดที่มีปริมาณแคลอรี่สูง หากรับประทานในปริมาณมากก็จะทำให้ร่างกายได้รับแคลอรี่สูงเกินไป จึงปรึกษากับกานต์ ถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาสินค้า จนได้มาเจอกับซัพพลายเออร์ที่จะสามารถพัฒนาสินค้าให้เราได้ ภายใต้เงื่อนไข เนื้อสัมผัสต้องหนึบ เคี้ยวเพลิน จะทานแบบแช่เย็นหรือไม่แช่เย็นก็ได้ และที่สำคัญคือต้อง หอมและอร่อย
“เราถือว่าเป็นเยลลี่ บุก 0 แคล เจ้าแรกของประเทศไทย ทำให้เราไม่มีคู่แข่งในตลาด ตอนแรกเรากำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไว้ที่กลุ่ม Gen Z และกลุ่ม Gen Y ที่รักการกินของหวาน แต่แคร์เรื่องน้ำหนัก มีการใส่บุกเข้าไปเพื่อเพิ่มคุณประโยชน์ ทำให้อิ่มท้อง มากกว่าแค่ขนมทานเล่น” ซารต์ กล่าว
กานต์ กล่าวเสริมว่า นอกจากการพัฒนาสินค้าให้ได้ตามที่ตั้งใจแล้ว การศึกษาตลาดก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เราได้มีการดูตลาดว่า ผู้บริโภคนิยมรสชาติใด เราจึงพัฒนาสินค้าออกมาทั้งหมด 6 รสชาติ คือ องุ่น สตรอเบอร์รี่ แอปเปิ้ลเขียว ส้มยูซุ พีช และลิ้นจี่ โดยเริ่มวางจำหน่ายในช่วงปลายเดือนกันยายน 2563 ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี วางจำหน่ายเพียง 3 เดือนกว่า ก็สามารถทำยอดขายได้สูงถึงกว่า 30 ล้านบาท และในปี 2564 มียอดขายอยู่ที่ 140 ล้านบาท โดยในปี 2565 ตั้งเป้ายอดขายโต 100%
“พันธมิตรดี-บริหารสต๊อก-สำรองเงินทุน-สร้างจุดขาย” 4 คีย์ลัดความสำเร็จ
หลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า กว่าที่ “ซันซุ เยลลี่ บุก 0 แคล” จะประสบความสำเร็จได้นั้น เราทั้ง 2 คนได้ผ่านบทเรียนอันสำคัญของการทำธุรกิจของมาแล้วและบทเรียนนั้นก็ทำให้ได้เรียนรู้ว่า อะไรคือกุญแจสำคัญของการทำธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรด
“กุญแจดอกแรกเลยก็คือ พันธมิตร พันธมิตรที่ดีจะคอยช่วยเหลือเราในทุกด้าน และเซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นพันธมิตรคนสำคัญที่สอนและให้ความรู้เราตั้งแต่เริ่มต้น แบบนับหนึ่งใหม่ตั้งแต่การบริหารจัดการสต๊อกสินค้า การบริหารจัดการต้นทุนการผลิต การพัฒนาสินค้า การดูแลระบบหลังบ้านทั้งหมด ซึ่งเซเว่น อีเลฟเว่น ให้ความรู้เราในทุกด้าน แบบไม่หวงความรู้” ซารต์ กล่าว
ด้าน กานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า องค์ความรู้ที่ได้ ทำให้เรารู้ว่ากุญแจดอกสำคัญถัดมาคือ การดูแลสต๊อกสินค้า เพราะส่งผลต่อการวางแพลนการสั่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต ซึ่งจะส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บ หากดูแลในส่วนนี้ได้ก็จะช่วยเราคุมต้นทุนและบริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ควรจะมี เงินทุนสำรอง เตรียมไว้ ในกรณีที่เกิดความผิดพลาดจะได้ไม่เดือดร้อนในอนาคต
สำหรับกุญแจดอกสุดท้ายที่จะทำให้สินค้าของเราประสบความสำเร็จได้ก็คือ การสร้างจุดขาย สินค้าจะต้องมีจุดขายที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถโฟกัสกลุ่มเป้าหมายได้ นำไปสู่การวางแผนการตลาดที่ตรงกลุ่ม เนื่องจากเราเป็นเพียงแค่ SME ไม่ได้มีงบการตลาดมากพอที่จะทุ่มทำการตลาดเหมือนบริษัทใหญ่ๆ ดังนั้น เราต้องรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายเราคือใคร เหมาะกับกลยุทธ์การตลาดแบบไหน อย่าไปตามกระแสสังคม ที่บอกให้ขายผ่านออนไลน์ ถ้ากลุ่มลูกค้าคุณไม่ได้อยู่บนโลกออนไลน์ก็ไม่มีประโยชน์
“หลายคนสอบถามเข้ามาว่า ทำอย่างไรตัวเองถึงจะประสบความสำเร็จในช่วงที่อายุยังน้อย เราทั้ง 2 คนอยากจะบอกว่า คุณต้องกล้าที่จะออกจากเซฟโซน และกล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ บนพื้นฐานของความรู้ที่คุณได้ศึกษาอย่างแท้จริง ซื่อสัตย์กับสิ่งที่คุณทำ จริงใจกับผู้บริโภค และอย่ากดดันตัวเองเกินไป ขอให้ตั้งใจเดินในทางของเรา แล้วคุณก็จะประสบความสำเร็จ” คำกล่าวทิ้งท้ายที่ ซารต์ – ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช และ กานต์ – อรรถกร รัตนารมย์ ขอฝากไว้เป็นข้อคิดให้กับ SME รุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จเหมือนดังเช่นตน