THREL โชว์Q3/63กำไรสุทธิโตเกือบ 5 เท่า
THREL แจงผลประกอบการไตรมาส 3/2563 สดใสเทียบไตรมาสก่อนหน้า กำไรสุทธิเติบโตเกือบ 5 เท่า แตะ 38 ล้านบาท ตามการเติบโตของรายได้สุทธิที่593 ล้านบาท ผลตอบแทนการลงทุนพุ่ง 26% ขณะที่ค่าใช้จ่ายการเคลมลดลง ประเมินแนวโน้มโค้งสุดท้ายของปีนี้ ยังต้องจับตาผล COVID-19 ใกล้ชิด หวั่นกระทบภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิต – ตลาดหุ้นทั่วโลก
นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2563 ว่า ภาพรวมปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาส 2/63 โดยบริษัทฯมีกำไรสุทธิ จำนวน 38 ล้านบาท ปรับเพิ่มสูงขึ้นราว 494% หรือเกือบ 5 เท่า ตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิที่ทำได้ 593 ล้านบาท หรือปรับเพิ่มขึ้นราว 2% และมีรายได้จากการลงทุนและรายได้อื่นเติบโตขึ้น 26% แตะ 20 ล้านบาท
ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยปรับลดลงเกือบ 4% อยู่ที่ 570 ล้านบาท สาเหตุสำคัญหลักๆมาจากการบริหารจัดการพอร์ตงานด้านประกันสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ส่งผลให้ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 73 ล้านบาท โดยมีเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1,702 ล้านบาท
นายสุทธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 ยังจำเป็นต้องจับตาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านของภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยังไร้สัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน ขณะที่ตลาดหุ้นยังคงมีความเสี่ยงเกิดความผันผวนในระดับสูงได้ แต่อย่างไรก็ตามเบื้องต้นยังเชื่อมั่นว่า “ประกัน” ถือเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ดังนั้นบริษัทฯ จึงยังคงมุ่งเน้นการเดินหน้าเจรจาจับมือกับพันธมิตร เพื่อร่วมกันคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนา Digital Platform ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุค New Normal เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตที่มั่นคงยั่งยืนต่อเนื่องในระยะยาว
“การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจจากแนวโน้มกำลังซื้อผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจประกันชีวิตอย่างหลีกเลี่ยง โดยเบื้องต้นคาดภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตภายในประเทศปีนี้อาจติดลบราว 2-3% รวมทั้งยังต้องจับตาผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ยังมีความผันผวนสูง เสี่ยงฉุดรั้งราคาสินทรัพย์การลงทุนให้ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญได้” นายสุทธิ กล่าว