กรุงศรีเดินหน้าขยายธุรกิจในอาเซียน
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเตรียมแผนธุรกิจฉบับใหม่ปี 2564-2566 เดินหน้าขยายฐานลูกค้าในอาเซียน เน้นเติบโตยั่งยืนรับเมกะเทรนด์ นิวนอร์มอล
นายไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกลยุทธ์และวางแผนธุรกิจองค์กร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารอยู่ระหว่างการขออนุมัติแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ที่จะใช้เป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564-2566 (Medium Term Business Plan 2021-2023) เป็นการต่อยอดความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา โดยธนาคารยังคงมีเป้าหมายสำคัญในการเป็นสถาบันการเงินที่ทรงพลังในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Financial Powerhouse) จากการใช้ประโยชน์เครือข่ายระดับโลกของบริษัทในเครือมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ที่มีสาขากว่า 1,600 แห่ง ใน 8 ประเทศ คาดว่าจะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของธนาคารที่ปัจจุบันอยู่ที่ 3-4% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ธนาคารกรุงศรีฯ มีเครือข่ายและพันธมิตร ในต่างประเทศ เช่น สปป.ลาว ,กัมพูชา ,เมียนมา ,เวียดนาม,อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ธนาคารจะนำกลยุทธ์โดยใช้ประโยชน์ด้านข้อมูลที่มีในฐานะผู้นำตลาดการเงินเพื่อรายย่อย (Consumer Finance) และผู้นำตลาดลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นในไทย (Japanese Corporate Market) และการใช้ประโยชน์ด้านผลิตภัณฑ์และเครือข่ายระดับโลกของ MUFG การผสานศักยภาพและความแข็งแกร่งอันเป็นเอกลักษณ์ของกรุงศรีโดยคำนึงถึงแนวโน้มแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระดับโลกหรือเมกะเทรนด์ (Megatrend) และสอดรับกับวิถีการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่หรือนิวนอร์มอล (New Normal) ทำให้กรุงศรีมีตำแหน่งทางการตลาดและความสามารถในการแข่งขันที่โดดเด่นทั้งในเวทีระดับประเทศและในภูมิภาคอาเซียน
ส่วนช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ธนาคารใช้ศักยภาพเชิงรุกปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมุ่งเน้นมาตรการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง รักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ปี 64-66 สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักการดำเนินธุรกิจโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง สร้างประสบการณ์เหนือระดับและความผูกพันผ่านแผนธุรกิจที่ตอบรับเมกะเทรนด์และวิถีชีวิตผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล
“ปีนี้ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับปัจจุบันที่ครอบคลุมการดำเนินงานปี 61-63 นั้น กรุงศรีได้ก้าวสู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเงินในยุคดิจิทัลด้วยการผลักดันแผนเชิงยุทธศาสตร์ 4 ด้านคือ การเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้าผ่านกระบวนการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Customer Experience Enhancement) การขับเคลื่อนธุรกิจด้วยศักยภาพด้านข้อมูล (Data-Driven Capabilities) กลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตร (Partnership Strategy) และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ (Overseas Business Expansion) ซึ่งกรุงศรีสามารถดำเนินตามแผนเชิงยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี “
เห็นได้จากความสำเร็จของการเปิดตัว Kept นวัตกรรมบริหารเงินบนช่องทางออนไลน์ที่ได้รับการตอบรับอย่างสูงจากกลุ่มเป้าหมาย การพัฒนา Krungsri Biz Online Mobile App แอปพลิเคชันสำหรับธุรกิจ SME ที่ช่วยจัดการธุรกรรมการเงินให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น บริการกรุงศรี ออโต้ โบรกเกอร์ ที่เลือกสรรประกันภัยรถยนต์ให้กับลูกค้าด้วยระบบวิเคราะห์ข้อมูลตามความต้องการ การพัฒนาระบบการอนุมัติสินเชื่อโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) การลงทุนและสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับ Grab และความสำเร็จของ Hattha Kaksekar Ltd. บริษัทไมโครไฟแนนซ์เครือกรุงศรีในกัมพูชาในการยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ Hattha Bank Plc. เป็นต้น
อย่างไรก็ตามจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกและส่งผลต่อเนื่องถึงปัจจุบันต่อเศรษฐกิจมหภาคและภาคอุตสาหกรรมตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนท์ กรุงศรีจึงได้ดำเนินการเชิงรุกฝ่าวิกฤตโดยปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่เน้นย้ำ 3 หลักการดำเนินงานคือ 1. การช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องทั้งลูกค้าบุคคล ผู้ประกอบการรายย่อยและลูกค้าธุรกิจ ให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ 2. การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง และ 3. การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับกลยุทธ์ให้สามารถรับมือกับความท้าทายอย่างทันท่วงทีท่ามกลางวิกฤตแห่งความไม่แน่นอนนี้ส่งผลให้กรุงศรีสามารถลดผลกระทบด้านการดำเนินงานปฎิบัติการ และสามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างทั่วถึง