“ซีพี ออลล์” เทแสนล.ซื้อหุ้นโลตัส 40% รุกไทย-มาเลย์
“ซีพี ออลล์” เทเฉียดแสนล้าน ตั้งบริษัทลูกชื่อ “ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง” ซื้อหุ้น 40% ในกลุ่มเทสโก้ “ไทย-มาเลเซีย” ผ่านบริษัทในเครือ อย่าง “ซี.พี.รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์” ย้ำพร้อมส่งเสริม “สินค้าเกษตร-เอสเอ็มอีไทย” สร้างช่องทางการขายกว้างขึ้น
นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ Chief Financial Officer บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทฯลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งหุ้นหรือผลประโยชน์การลงทุน (economic interest) ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 40 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ของ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) หรือเทสโก้ประเทศไทย ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน ร้อยละ 99.99 ในบริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้เครื่องหมายการค้า Tesco Lotus ในไทย และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. หรือเทสโก้มาเลเซีย ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีกภายใต้เครื่องหมายการค้า Tesco ในมาเลเซีย
โดยการลงทุนของซีพี ออลล์ ครั้งนี้ ใช้เงิน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (95,981 ล้านบาท) หรือไม่เกิน 40% ผ่านนิติบุคคลเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการลงทุน คือ บริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท ซี.พี.รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อลงทุนในกลุ่มเทสโก้เอเชีย (เทสโก้ไทยและมาเลเซีย)
ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อว่าการลงทุนดังกล่าวจะส่งเสริมให้บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นฯ ได้ประโยชน์หลายประการจากการได้มาซึ่งธุรกิจค้าปลีกในไทย ที่มีรูปแบบร้านค้าหลากหลาย ช่วยส่งเสริมรูปแบบธุรกิจที่บริษัทฯมีอยู่ในปัจจุบัน และมีผลการดำเนินงานที่ดี ทำให้มีรูปแบบร้านค้าที่หลากหลายขึ้น ซึ่งรวมถึง ค้าส่ง cash and carry และรูปแบบค้าปลีก (ไฮเปอร์มาร์เก็ต ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ)
นอกจากนี้ ยังยกระดับการให้บริการแก่ผู้บริโภคที่สร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ด้วยโอกาสธุรกิจเศรษฐกิจสมัยใหม่ (new economy business) ขณะที่ การเข้าซื้อธุรกิจในมาเลเซียจะเป็นช่องทางในการเข้าสู่ตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ในมาเลเซีย ซึ่งจะสร้างรายได้เข้าประเทศอีกทางหนึ่ง
โดย เทสโก้ โลตัส จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการจำหน่ายสินค้าให้กับเอสเอ็มอี เกษตรกร และผลิตภัณฑ์ชุมชน หลังจากที่ แมคโคร และเซเว่น อีเลฟเว่น ได้เข้าไปส่งเสริม สนับสนุนให้สินค้าเอสเอ็มอีสามารถกระจายสินค้าไปสู่คนไทยทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็ว ช่วยทำให้เศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจของประเทศโดยภาพรวมเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน.