“เกาะไห่หนาน” ชี้การสร้างเขตการค้าเสรี (ท่าการค้าเสรี)
ช่วยส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับนานาประเทศ
นายเสิ่น ตันหยาง รองผู้ว่าราชการมณฑลไห่หนาน กล่าวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ในระหว่างการประชุม Islands Economic Cooperation Forum ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Boao Forum for Asia Annual Conference 2019 ว่า “การก่อสร้างเขตการค้าเสรีและท่าการค้าเสรีนำร่องของไห่หนาน ที่รวมไว้ซึ่งคุณลักษณะเฉพาะตามแบบฉบับจีนนั้น ได้เปิดโอกาสใหม่ ๆ มากมายสำหรับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างเกาะต่าง ๆ ทั่วโลก” ซึ่งผู้เข้าร่วมการประชุมจากประเทศที่เกี่ยวข้องต่างเห็นด้วยกับถ้อยแถลงดังกล่าวอย่างเป็นเอกฉันท์
ทั่วโลกมีเกาะอยู่หลายหมื่นเกาะ และมีประเทศ รวมถึงดินแดนที่เป็นเกาะอยู่หลายสิบประเทศหรือดินแดน โดยที่ผ่านมา เกาะที่เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวต่างเผชิญการแข่งขันแบบเดียวกัน ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้จึงมุ่งอภิปรายวิธีการสร้างความร่วมมือและการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนระหว่างเกาะต่าง ๆ
ในปี 2561 ไห่หนานมีเส้นทางบินระหว่างประเทศ 74 เส้นทาง และมีเส้นทางขนส่งทางเรือระหว่างประเทศ 9 เส้นทาง ขณะเดียวกัน ไห่หนานยังทำหน้าที่เป็นประตูเข้าสู่ประเทศจีนแบบไม่ต้องใช้วีซ่าสำหรับ 59 ประเทศ และมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 11.8% นอกจากนี้ ไห่หนานยังตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางการบริโภคด้านการท่องเที่ยวในระดับนานานาชาติ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการก่อสร้างเขตการค้าเสรี (ท่าการค้าเสรี) ของจีนในไห่หนาน
นายเสิ่น ตันหยาง กล่าวว่า เขตการค้าเสรีจะขยายโอกาสด้านการพัฒนาสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ผ่านทางการแบ่งปันประสบการณ์ การส่งเสริมแผนการพัฒนาการท่องเที่ยวและการสื่อสารนโยบาย ตลอดจนการสร้างชุมชนแห่งอนาคตร่วมกันด้วยการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยนำเสนอคุณลักษณะเฉพาะของเกาะแต่ละแห่งภายใต้ความเป็นสากล
Keerthi TENNAKOON ผู้ว่าราชการจังหวัดใต้ (Southern Province) ประเทศศรีลังกา ขานรับถ้อยแถลงของนายเสิ่น โดยกล่าวว่า ศรีลังกาและไห่หนานมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เหมือนกัน ซึ่งรวมถึงการให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพการท่องเที่ยว และการสำรวจศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม อีกทั้งยังมีความร่วมมือกันในหลายสาขา
“ปัญหาบางอย่างไม่สามารถแก้ไขได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการจัดตั้งกลไกความร่วมมือขึ้น” WON Hee-Ryong ผู้ว่าราชการจังหวัดปกครองตนเองพิเศษเชจู ประเทศเกาหลีใต้ กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า เกาะเชจูได้เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ และได้นำแพลตฟอร์มบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเข้าร่วมในบล็อกเชน นอกจากนี้ เขายังแสดงความหวังว่าจะสามารถนำระบบการขนส่งและการเดินทางที่เป็อัจฉริยะและสะอาดมาใช้บนเกาะได้ในอีกไม่นาน “เราหวังว่าจะได้นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาใช้ผ่านทางความร่วมมือกับนานาประเทศ” เขากล่าว
นอกจากทรัพยากรธรรมชาติแล้ว มรดกทางวัฒนธรรมก็ถือเป็นส่วนสำคัญของการท่องเที่ยวเช่นกัน Hiria OTTINO ประธานสมาคมมิตรภาพจีน-แปซิฟิก กล่าวว่า “ไห่หนานแสดงให้เราเห็นว่า การอนุรักษ์ทรัพยากรทางวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาตินั้นสามารถดำเนินการไปพร้อมกันได้ ซึ่งถือเป็นทิศทางของการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนในอนาคต”.