EIC ฟันธงส่งออก 61 หลุดเป้า 8.5%
EIC ห่วงส่งออกปี 61 มีโอกาสหลุดเป้าที่ 8.5% หลังสัญญาณไม่ดี เมื่อส่งออกเดือกันยายนติดลบ 5.2%ครั้งแรกในรอบ 19 เดือน ชี้นำเข้าโต 15% เหตุการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง แนะจับตาสงครามการค้าทวีความรุนแรง
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ออกบทวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ส่งออกไทยช่วงเดือนกันยายน หลังจากพบว่า มีมูลค่าการหดตัว -5.2%YOY โดยเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือน ในหลายหมวดสินค้า นำโดยหมวดสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัว-6.7%YOY เช่น รถยนต์-อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-7.4%YOY) เครื่องอิเล็กทรอนิกส์(-4.1%YOY) เครื่องใช้ไฟฟ้า (-0.8%YOY) และโดยเฉพาะทองคำที่หดตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่-78.7%YOY จาก -66.6%YOY โดยเมื่อพิจารณาการส่งออกที่ไม่รวมทองคำจะหดตัวที่-0.8%YOY
สำหรับหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัวที่ -1.6%YOY เช่น อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป กุ้งแปรรูป น้ำตาลทรายขาว และผลไม้กระป๋องและแปรรูป อย่างไรก็ตาม สินค้าหมวดเกษตรยังขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 0.1%YOY ตามการขยายตัวของข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ขณะที่ยางพาราและน้ำตาลยังคงหดตัวจากผลของราคาที่ลดลงเป็นสำคัญ ทั้งนี้การส่งออกในภาพรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2018 เติบโตที่ 8.1
การส่งออกไทยหดตัวในตลาดเอเชียเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการหดตัวของมูลค่าการส่งออกไปยังจีน (-14.1%YOY) ฮ่องกง (-7.0%YOY) ไต้หวัน (-17.5%YOY) และเอเชียใต้(-3.7%YOY) ขณะที่การส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 0.2%YOY จาก14.6%YOY ในเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกันกับการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และ ASEAN-5 ที่ก็ขยายตัวชะลอลงมาอยู่ที่ 17.5%YOY และ 0.9%YOY จากในเดือนก่อนหน้าที่32.5%YOY และ 35.5%YOY ตามลำดับ
ขณะที่มูลค่าการส่งออกไปยังทวีปออสเตรเลียหดตัวที่ -19.3%YOY จากที่ขยายตัวได้ที่10.1%YOY ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ดี การส่งออกไปยังสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปปรับตัวดีขึ้นเป็น 1.2%YOY และ 3.9%YOY จากในเดือนก่อนหน้าที่ 0.6%YOY และ -4.3%YOY ตามลำดับ
บทวิเคราะห์ดังกล่าวยังระบุถึงผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ต่อสินค้าส่งออกของไทย ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่อง โดยมูลค่าสินค้าส่งออกที่ถูกตั้งเก็บภาษีนำเข้าโดยสหรัฐฯ ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ (แผงโซลาร์) และเครื่องซักผ้า-เครื่องซักแห้งและส่วนประกอบที่ไทยส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน หดตัวที่ -78.2%YOY และ -87.6%YOY ตามลำดับ ทำให้มูลค่าการส่งออกของสินค้ากลุ่มดังกล่าวในภาพรวมทุกตลาดส่งออกลดลง-38.3%YOY และ -44.6%YOY ตามลำดับ
โดยการส่งออกเหล็ก-เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ไปสหรัฐฯ กลับมาหดตัว -16.1%YOY หลังจากขยายตัว 12.6%YOY ในเดือนก่อนหน้า แต่ในภาพรวมทุกตลาดส่งออกขยายตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.4%YOY เป็น 4.4%YOY ขณะที่ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม ยังขยายตัวได้ดีทั้งในภาพรวม และการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ 12.1%YOY และ 38.2%YOY ตามลำดับ
ทั้งนี้ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนส่งผลชัดเจนมากขึ้น การส่งออกของไทยไปยังจีนในเดือนนี้มีการหดตัวสูงที่ -14.1%YOY โดยส่วนหนึ่งคาดว่าเป็นผลกระทบมาจากมาตรการการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐฯ ที่เริ่มบังคับใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม และ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา รวมมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มที่คาดว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสินค้าที่จีนถูกตั้งภาษีนำเข้ามีการหดตัวชัดเจน เช่น แผงวงจรไฟฟ้าและส่วนประกอบอุปกรณ์ตู้เย็น-ตู้แช่แข็ง ซึ่งมูลค่าการส่งออกไปจีนหดตัวที่ -50.8%YOY และ-78.9%YOY ตามลำดับ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์-อุปกรณ์และส่วนประกอบไปยังจีนหดตัว-13.4%YOY ทั้งนี้ การหดตัวของการส่งออกไทยไปจีนยังอาจมีผลบางส่วนมาจากการที่เศรษฐกิจจีนมีการชะลอตัวลงอีกด้วย
มูลค่าการนำเข้าขยายตัวที่ 9.9%YOY ชะลอลงจากการเติบโตที่ 22.8%YOY ในเดือนก่อนหน้า นำโดยการชะลอลงของการนำเข้าสินค้าในหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปที่เติบโต11.5%%YOY ชะลอลงจาก 37.6%YOY และหมวดสินค้าทุนที่หดตัว -5.8%YOY จากที่ขยายตัว 6.2%YOY ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการลดลงของการนำเข้าหมวดเครื่องบินและส่วนประกอบ (-80.2%YOY) เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงเติบโตเร่งขึ้นที่50.5%YOY จาก 33.8%YOY ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ การนำเข้าในช่วง 9 เดือนแรกของปี2018 เติบโตที่ 15.2%YOY
อย่างไรก็ตาม EIC มองการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกไทยปี 2018 มีโอกาสต่ำกว่าที่ประมาณการเดิมที่ 8.5% เนื่องจากตัวเลขการส่งออกในเดือนนี้ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ค่อนข้างมาก (-5.2%YOY vs 5.6%YOY) และผลกระทบจากสงครามการค้ามีความชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น
โดยสำหรับความเสี่ยงสงครามการค้าจะยังมีผลกระทบอีกระลอกจากมาตรการการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่เริ่มบังคับใช้ในวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป นอกเหนือไปจากผลกระทบจากส่วนที่มีการบังคับใช้ไปแล้วเมื่อ 6 กรกฎาคม และ 23 สิงหาคมที่ผ่านมาที่ยังอาจมีผลต่อเนื่องในระยะต่อไป
นอกจากนี้ ยังต้องจับตาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญโดยเฉพาะจีนที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การขยายตัวของมูลค่าการส่งออกที่ต่ำกว่าคาดอาจส่งผลถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมในปีนี้และปีหน้าได้
โดย EIC คาดว่ามูลค่าการนำเข้าทั้งปี 2018 จะขยายตัวที่ 15% การนำเข้าในช่วงที่เหลือของปี2018 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง จากการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึงการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดี การนำเข้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเพื่อส่งออกอาจชะลอลงหากภาคการส่งออกมีการเติบโตต่ำกว่าที่คาดในระยะต่อไป ทั้งนี้ดุลการค้า 9 เดือนแรกยังเกินดุลอยู่ระดับสูงที่ 2,838.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนถึงเสถียรภาพระหว่างประเทศของเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี.