กระทรวงพาณิชย์ผ่าขุมทรัพย์แดนจีนใต้
กระทรวงพาณิชย์ผ่าขุมทรัพย์แดนจีนใต้ หวังต่อยอดผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ตลาดจีน
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศ จับมือสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และกลุ่มบางกอกโพสต์ จัดสัมมนา “ผ่าขุมทรัพย์แดนจีนใต้ รู้ก่อน รวยก่อน” หวังปูเส้นทางการค้าเจาะตลาดจีนตอนใต้ที่มีศักยภาพ โดยใช้ยุทธศาสตร์เจาะเมืองรอง อาทิ คุนหมิง ผิงเสียง ฯลฯ เปิดทางผู้ประกอบการผลไม้ไทยผ่านเส้นทางจีนตอนใต้ไปสู่ทุกมณฑลของจีนที่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ
และผู้เชี่ยวชาญตลาดจีนมาร่วมเปิดมุมมอง หาโอกาส เสริมศักยภาพ และความร่วมมือไทย-จีน พร้อมจัดทัพปรับกลยุทธ์บุกจีนตอนใต้ โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธี พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “เปิดประตูสู่จีนใต้“
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานในพิธีเปิดกล่าวถึงความสำคัญของตลาดจีนตอนใต้ว่า “จีน ถือเป็นตลาดที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากจีนมีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน และเป็นตลาดใหญ่ในการรองรับสินค้าเกษตรของไทย กระทรวงพาณิชย์จึงมุ่งเป้าหมายที่จะผลักดันผลไม้ของไทยเข้าสู่ทุกมณฑลของตลาดจีน เพื่อรองรับผลผลิตผลไม้ของไทยในทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นลำไย ทุเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมของตลาดจีนผ่านเส้นทางจีนตอนใต้ที่เชื่อมโยงไปทุกมณฑลของจีน อาทิ เมืองคุนหมิง และเมืองผิงเสียง ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่กระทรวงพาณิชย์จะใช้เป็นกุญแจในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจด้านการผลิตผลไม้ โดยหวังที่จะเห็นผู้ประกอบการไทยใช้โอกาสที่รัฐบาลสร้างรากฐานไว้ให้ในการผลักดันสินค้าผลไม้ และสินค้าประเภทอื่นๆ ผ่านช่องทางต่างๆ ที่รัฐบาลได้กรุยทางและประสานความร่วมมือไว้ให้แล้ว ผ่านกลยุทธ์การทำงานที่ผลักดันการส่งออกทั้งการเจาะตลาดใหม่ และรักษาตลาดเดิม โดยมุ่งขยายตลาดใหม่ที่เจาะเข้าสู่เมืองรองเพิ่มมากขึ้น และการผลักดันการทำการค้าผ่านอี-คอมเมิร์ซ รวมถึงการส่งเสริมการออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างโอกาสและผลักดันให้ประเทศไทยก้าวไปสู่นครผลไม้โลกได้อย่างยั่งยืน” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “สำหรับมูลค่าการส่งออกของประเทศไทยในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน ปี 2561 มีมูลค่า 125,811.71 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน อยู่ที่ 39,428.11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 12.33 โดยเป็นการส่งออก 14,818.74 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้า 24,609.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ประเทศจีนกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าของทวีปเอเชีย
โดยเมืองคุนหมิง ถือเป็นตลาดที่มีแนวโน้มที่ดีสำหรับสินค้าที่นำเข้าและบริการจากทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าที่ผลิตโดยผู้ประกอบการจากต่างประเทศ ซึ่งเข้ามาลงทุนในคุนหมิงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นตลาดค้าปลีกสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศจีนในขณะนี้”
“สำหรับจีนตอนใต้ เมืองคุนหมิง และเมืองผิงเสียง ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สามารถเชื่อมโยงการค้ากับกลุ่มประเทศ CLMVT กับ One Belt One Road ของจีน ถือเป็นเส้นทางการค้าใหม่ที่มีศักยภาพเชื่อมเอเชียสู่ยุโรป ทำให้การส่งออกสินค้าของไทยมีช่องทางเพิ่มมากขึ้น และสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ในแต่ละมณฑล ที่มีพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างกัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้วางยุทธศาสตร์การเจาะตลาดจีนด้วยการขยายตลาดเมืองรอง ซึ่งได้ดำเนินการเจาะตลาดรายมณฑลไปแล้วหลายแห่ง อาทิ มณฑลไห่หนาน มณฑลกวางตุ้ง มณฑลเจ้อเจียง มณฑลเสฉวน และนครเชี่ยงไฮ้ ฯลฯ ผ่านช่องทางการจัดงานแสดงสินค้า และการเชิญชวนผู้ประกอบการจีนเข้ามาร่วมงานแสดงสินค้าในไทย อาทิ งาน Thaifex-World of Food Asia 2018 รวมทั้ง แผนการจัดงานแสดงสินค้าในแต่ละมณฑล โดยร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำหลายแห่งของจีนในการนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยไปบุกตลาดจีน
นอกจากนี้ ไทยและจีนยังได้มีการจัดทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีน (Thailand-China Free Trade Area) ซึ่งมีส่วนทำให้ประเทศไทยได้รับผลประโยชน์ทางการค้าร่วมกับจีนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออกสินค้า หรือการนำเข้าวัตถุดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมบางประเภทของไทยที่ยังต้องมีการพึ่งพาวัตถุดิบนำเข้าจากประเทศจีนอยู่ โดยอาจมีการตั้งฐานการผลิตหรือโรงงานผลิตชิ้นส่วนในประเทศจีน ซึ่งตลอดเส้นทางการค้า ถือเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีในการเข้าถึงตลาดใหม่ๆที่มีศักยภาพผ่านประชากร 60 ล้านคนของไทย สู่ประชากร 250 ล้านคนของ CLMVT ไปสู่ประชากรกว่า 1,300 ล้านคนของจีนจึงถือเป็นช่องทางสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเติบโตและสามารถเข้าถึงช่องทางการค้าในตลาดจีนได้เป็นอย่างดี” นางสาวบรรจงจิตต์ กล่าวสรุป
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์และคณะผู้จัดงาน เชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานสัมมนา ‘ผ่าขุมทรัพย์จีนตอนใต้ รู้ก่อน รวยก่อน’ จะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ และสามารถจัดทัพปรับกลยุทธ์ก่อนบุกตลาดจีนตอนใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในประเทศจีนทั้งจากภาครัฐและเอกชน ที่จะมาแกะรอยเส้นทางการค้าเพื่อเจาะตลาดจีนตอนใต้ อาทิ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ ผู้เชี่ยวชาญคลังสมองจีน-อาเซียน ศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าเชียงราย ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่ได้รับและสามารถนำไปต่อยอดทางการค้าและการลงทุนไปสู่ตลาดจีนได้อย่างยั่งยืน.