เบี้ยประกันชีวิตรับ ปี 60 เติบโตเริ่มต้นปี 3.79 %
นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า เบี้ยประกันชีวิตรับรวม ณ สิ้นเดือนมกราคม 2560 มีทั้งสิ้น 46,580.26 ล้านบาท อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.79
จำแนกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่จำนวน 10,736.35 ล้านบาท และเบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไปจำนวน 35,843.90 ล้านบาท อัตราความคงอยู่ร้อยละ 86
โดยเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ ประกอบด้วย (1) เบี้ยประกันชีวิตปีแรก มีจำนวน 7,512.04 ล้านบาท (2) เบี้ยประกันชีวิตจ่ายครั้งเดียว จำนวน 3,224.31 ล้านบาท
ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการทำประกันชีวิต การวางแผนทางการเงินเพิ่มมากขึ้น และตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพและการวางแผนชีวิตในวัยเกษียณ ซึ่งประกันชีวิตก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านั้น เพราะนอกเหนือจากผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการทำประกันชีวิตแล้ว ยังได้รับทั้งความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพควบคู่ไปด้วย สมาคมจึงขอให้ผู้เอาประกันภัยมีวินัยในการชำระเบี้ยประกันภัยอย่างสม่ำเสมอก่อนครบกำหนดสัญญา และตรวจสอบสถานะของกรมธรรม์ฯ ให้มีผลบังคับอยู่เสมอ เพื่อประโยชน์ของผู้เอาประกันภัยเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม สมาคมคาดว่าธุรกิจประกันชีวิตไทยในปี 2560 จะยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยอัตราการเติบโตประมาณร้อยละ 6 เบี้ยประกันภัยรับรวมประมาณ 600,000 ล้านบาท จากปัจจัยบวกที่มีส่วนช่วยในการสนับสนุนการเติบโตหลักๆ อาทิ การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลายและมีคุณภาพในการเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มโดยเฉพาะสังคมยุคดิจิทัลในปัจจุบัน โดยอาศัยเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ามามีส่วนช่วยในการดำเนินการ การพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพสูงขึ้นและสามารถทัดเทียมกับต่างประเทศ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่หลากหลายและสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในทุกระดับ การประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้รู้จักและตระหนักถึงความสำคัญของการประกันชีวิตให้ครอบคลุมในทุกๆสื่อ ทั้งนี้ การก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุในประเทศไทย ที่มีจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นในทุกๆปี ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องของการประกันสุขภาพ และการวางแผนชีวิตหลังเกษียณอายุกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ในการปรับปรุงหรือการออกกฎระเบียบต่างๆ ให้รองรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งเกี่ยวกับฐานะการเงินของบริษัทประกันชีวิตให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วไป รวมทั้งมาตรการส่งเสริมให้ผู้เอาประกันภัยสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยหนุนที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจประกันชีวิตไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายข้อมูลเพื่อการพัฒนาธุรกิจ สมาคมประกันชีวิตไทย โทรศัพท์ 0 2679 8080 ต่อ 532 หรือ Download ข้อมูลสถิติได้จาก www.tlaa.org/2012/statistics.php