FSMARTแจกข่าวดีปันผลระหว่างกาล0.17 บาท/หุ้น
FSMART แจกข่าวดีปันผลระหว่างกาล0.17 บาท/หุ้น พร้อมโชว์ผลงาน 6 เดือนกำไรเพิ่ม 47.58% จากปีก่อน
บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.17 บาทต่อหุ้นวันที่ 9 กันยายนนี้ หลังงบการเงินครึ่งปีแรกมีกำไร 183ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.6% รายได้ 1,090 ล้านบาท เฉพาะไตรมาส 2 มีรายได้รวม 565 ล้านบาท กำไรสุทธิ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.9% และ 41.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน เหตุจำนวนตู้บุญเติมขยายเพิ่มได้ถึง 79,608 ตู้ดันยอดเติมเงินทะลุเป้า และได้บริการโอนเงินเป็นกำลังเสริมดันรายได้ ด้านผู้บริหารชี้การแข่งขันในตลาดตู้เติมเงินเพิ่ม เร่งดีลแบงก์เพิ่มบริการโอนเงิน และติดตั้งเครื่องชั่งให้ได้ 20,000 จุด ย้ำสิ้นปียังคงเป้ายอดเติม 21,000 ล้านบาท ตู้เติมเงิน 90,000 ตู้
นายสมชัย สูงสว่าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) “FSMART” ผู้นำช่องทางการชำระเงินที่มีเครือข่ายมากที่สุดในประเทศไทยผ่าน “ตู้เติมเงินออนไลน์บุญเติม” ตู้เติมเงิน อันดับ 1 ของประเทศ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2559 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 565 ล้านบาท กำไรสุทธิ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.9% และ 41.8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 401 ล้านบาท กำไรสุทธิ 67 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรเนื่องจากบริษัทขยายจำนวนตู้ได้ 79,608 ตู้ มีมูลค่าเติมเงินรวมผ่าน “ตู้บุญเติม”ที่ 5,332 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในไตรมาสนี้บริษัทยังได้เปิดให้บริการโอนเงิน หลังได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนของธนาคารกรุงไทย อนุมัติโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ในการเป็นตัวแทนให้บริการโอนเงินผ่าน “ตู้บุญเติม” ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในต่างจังหวัดที่ต้องการความสะดวกสบาย โดยมียอดการโอนจำนวนกว่า 1,500 รายการต่อวัน
สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือนบริษัทมีรายได้รวม 1,090 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 761 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 183 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.6% จากงวดเดียวกันปี 2558 แม้ตลาดตู้เติมเงินออนไลน์จะมีการแข่งขันมากขึ้นแต่ด้วยศักยภาพของ “ตู้บุญเติม” ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆด้าน ส่งผลให้มีหมายเลขผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 20 ล้านเลขหมาย มียอดการเติมเงินวันละ 60 ล้านบาท และยอดทำรายการ 1.7 ล้านรายการต่อวัน
ทั้งนี้ จากผลประกอบการครึ่งปีแรกที่เติบโตขึ้นทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 4/2559 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสุทธิสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.17 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 136 ล้านบาท ซึ่งจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2559 (Record date) วันที่ 24 สิงหาคม 2559 ปิดสมุดทะเบียนวันที่ 25 สิงหาคม 2559 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 กันยายน 2559
ขณะที่การดำเนินการในครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงตั้งเป้ายอดเติมเงินผ่าน “ตู้บุญเติม” อยู่ที่ 21,000 ล้านบาท จากการขยายจำนวนตู้ให้ได้ 90,000 ตู้ทั่วประเทศ พร้อมพัฒนารูปแบบต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของรายได้ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น การบริการจำหน่ายตั๋ว บริการด้าน E-Money เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและระบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Wallet) เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้ใช้บริการในการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน ที่มีแนวโน้มการใช้และความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนบริการโอนเงินที่ดำเนินการไปแล้วนั้น บริษัทมีแผนในการเป็นตัวแทนให้กับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ นอกเหนือจากธนาคารกรุงไทย เพื่อเพิ่มช่องทางการให้บริการ และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการได้มากขึ้น โดยคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเป็นช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกับ บริการเครื่องชั่งน้ำหนักที่ติดตั้งกับตู้บุญเติม บริษัทได้ตั้งเป้าหมายติดตั้งทั่วประเทศเพิ่มให้ได้ 20,000 เครื่องในปีนี้ เพิ่มรายได้ให้กับบริษัทอีกช่องทางหนึ่ง โดยที่กล่าวมาเป็นไปตามกลยุทธ์ 5 ช่องทางธุรกิจ (Digital- Retail Channel) ได้แก่ ธุรกิจการให้บริการเติมเงินมือถือ ธุรกิจการเติมเงินออนไลน์อื่นๆ ธุรกิจการให้บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และธุรกิจโฆษณาที่จะผลักดันให้บริษัทสามารถรักษาความเป็นผู้นำด้านช่องทางการชำระเงินที่มีเครือข่ายครอบคลุมมากที่สุดในประเทศอย่างแข็งแกร่งต่อไป
“ในครึ่งปีแรกบริษัทยังสามารถเดินตามแผนงานที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการขยายจำนวนตู้บุญเติมที่เป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้และสร้างกำไรให้เติบโต เช่นเดียวกับรายได้ในส่วนอื่นๆที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นตามลำดับ แม้ว่าปัจจุบันการแข่งขันในตลาดตู้เติมเงินออนไลน์จะมากขึ้นจากผู้ประกอบการรายใหม่ๆ แต่ด้วยจำนวนหมายเลขผู้ใช้งานยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจึงยังแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่มีมากเช่นกัน โดยการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังจะเน้นย้ำถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างครบครันมากกว่าเดิม ตลอดจนดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามแผนเพื่อสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้” นายสมชัย กล่าว.