ทรู ออกหุ้นกู้ ดอกเบี้ยสูงลิ่ว
“ทรู คอร์ปอเรชั่น” เตรียมออกหุ้นกู้อายุ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี ดอกเบี้ย [3.10 – 4.70]% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ คาดเปิดให้จอง 26 และ 29 – 30 ม.ค. 2567
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ดัชนีความยั่งยืน DJSI 2023 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ครั้งใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปจำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง [3.10-4.70]% ต่อปี ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง สะท้อนความแข็งแกร่งของสถานะบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมระหว่างทรูและดีแทค ที่มีความมั่นคงยิ่งขึ้นทั้งในธุรกิจโทรคมนาคม และธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26 และวันที่ 29 – 30 ม.ค. 2567 โดยมีธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ไทย ยูโอบี และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การออกหุ้นกู้ครั้งนี้เป็นการออกหุ้นกู้ภายใต้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่เกิดจาการควบรวมและผสานจุดแข็งระหว่างทรูและดีแทค ทำให้บริษัทมีรากฐานแข็งแกร่งยิ่งขึ้น สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทั้งรายได้ค่าบริการและยอดผู้ใช้งานในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่การบูรณาการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนเชิงโครงสร้างนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของ EBITDA สามไตรมาสติดต่อกัน บริษัทมั่นใจว่าหุ้นกู้ที่จะออกในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการลงทุนในบริษัทที่มีชื่อเสียง มีความมั่นคง และอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลบวกจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวและให้ผลตอบแทนที่ดีสำหรับการลงทุนเพื่ออนาคต ทั้งนี้บริษัทจะยังคงมุ่งมั่นยกระดับการดำเนินงานเพื่อส่งมอบคุณค่าที่ดียิ่งกว่าสู่ผู้บริโภคและภาคธุรกิจ พร้อมสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย”
ทั้งนี้ ในไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ผ่านมา ผลการดำเนินงานของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นโดยได้แรงหนุนจากรายได้ค่าบริการและจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการปรับปรุงประสิทธิภาพและลดต้นทุนภายหลังการควบรวมเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา หรือ EBITDA ดีขึ้นติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สามนับตั้งแต่การควบรวม ส่งผลให้สถานะทางการเงินของบริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในด้านการรวมโครงข่ายสัญญาณเป็นโครงข่ายเดียว (“โครงการ Single Grid”) ซึ่งเริ่มดำเนินการเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีความคืบหน้าไปมากตามแผน ตอกย้ำความตั้งใจของบริษัทที่มุ่งส่งมอบบริการที่ดียิ่งกว่าให้แก่ลูกค้าที่เติบโตต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพสัญญาณที่ดียิ่งขึ้นผ่านการขยายโครงข่ายและการบริหารจัดการสถานีฐานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้โครงการ Single Grid จะเดินหน้าอย่างเต็มที่ในไตรมาส 4 ตามแผนที่วางไว้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 S&P Global ประกาศให้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้รับการจัดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับโลก Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) ปี 2023 โดยได้คะแนนสูงสุดในกลุ่มโทรคมนาคมของโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ด้วยยุทธศาสตร์สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงระบบทุกมิติ ชูนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ลดการใช้พลังงาน เสริมทักษะดิจิทัล นำศักยภาพเทคโนโลยีดิจิทัลลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา พร้อมขยายผลกระบวนการธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน หนุนธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ
บริษัทและหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566 ซึ่งสะท้อนถึงสถานะความเสี่ยงด้านการเงินและด้านธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น ทั้งตำแหน่งทางการตลาด (market position) ที่แข็งแกร่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เสริมทัพด้วยโครงข่ายทั่วประเทศ ชุดคลื่นความถี่ที่ครอบคลุม และชื่อแบรนด์ที่ผู้บริโภคเชื่อถือ อีกทั้งปัจจัยบวกด้านเศรษฐกิจมหภาค อาทิ ตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ประเทศไทย อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
หุ้นกู้ครั้งนี้จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนเป็นการทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุหุ้นกู้ระหว่าง 1 ปี 3 เดือน ถึง 10 ปี เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะสั้นก็สามารถเลือกลงทุนในรุ่น 1 ปี 3 เดือน ถึง 3 ปี 3 เดือน นักลงทุนที่ชอบลงทุนระยะกลางก็อาจเลือกลงทุนในรุ่น 5 ปี 3 เดือน หรือนักลงทุนท่านใดที่ชอบลงทุนระยะยาวและต้องการดอกเบี้ยเพื่อนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็อาจเลือกจะลงทุนในรุ่น 10 ปี เพราะให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลหรือ Yield Curve ที่ปรับตัวลดลงหลังจากที่ธนาคารกลางประเทศหลักๆ เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ เริ่มส่งสัญญาณหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ย และบางประเทศเริ่มมีการพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 หลังจากเงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลง ทำให้การลงทุนในหุ้นกู้ในช่วงที่ธนาคารกลางประเทศต่างๆ ยังไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นกู้ของบริษัทที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงๆ และ TRUE ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมีอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A+ และไม่เคยมีประวัติผิดนัดชำระหนี้หรือเลื่อนการชำระหนี้อีกด้วย
วัตถุประสงค์ในการออกหุ้นกู้ครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ไปใช้ในการชําระคืนหนี้หุ้นกู้ และ/หรือเพื่อชำระค่าคลื่นความถี่ และ/หรือ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนรองรับการเติบโตของบริษัท โดยเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 26 และวันที่ 29 – 30 ม.ค. 2567 มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท เสนอขายจำนวน 5 ชุด ดังนี้
1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.10-3.20]% ต่อปี
2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.50-3.70]% ต่อปี
3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 3 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [3.75-3.90]% ต่อปี
4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 5 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.10-4.25]% ต่อปี
5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [4.50-4.70]% ต่อปี ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ได้เมื่อหุ้นกู้ครบปีที่5
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai Digital Banking
ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมถึงรายละเอียด ขั้นตอน และวิธีการสมัคร TrueMoney Wallet Application และวิธีการจองซื้อ ได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6