กพร. จัดสัมมนาและสอบขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับ
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดสัมมนาและสอบขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับ ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 29 มี.ค. 2566 เพื่อถ่ายโอนภารกิจงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับสู่ภาคเอกชน ซึ่งเป็นการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีรังวัดสมัยใหม่ เพิ่มขีดความสามารถบุคลากรในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ไทย
นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า กพร. ได้ดำเนินการพัฒนาเพื่อยกระดับระบบการจัดการอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศไทยด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้อย่างต่อเนื่อง โดยได้ประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการรายงานการทำเหมือง และการขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับ เพื่อสร้างมาตรฐานให้งานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับและผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศไทย ผ่านกระบวนการคัดเลือกและทดสอบผู้ควบคุมงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับ โดย กพร. ได้จัดสัมมนาเพื่อชี้แจงรายละเอียดและสอบขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับแล้ว จำนวน 4 ครั้ง
นายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ซึ่งได้รับมอบหมายเป็นประธานเปิดงานสัมมนาฯ ในครั้งนี้ กล่าวว่า ปัจจุบันการจัดทำแผนที่ภูมิประเทศด้วยอากาศยานไร้คนขับเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากได้ข้อมูลที่มีความชัดเจน รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ กพร. จึงได้ดำเนินการถ่ายโอนภารกิจให้ภาคเอกชนจัดทำข้อมูลรังวัดแผนที่ภูมิประเทศด้วยอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งการจัดสัมมนาในครั้งนี้เป็นการชี้แจงรายละเอียดบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ควบคุมงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งจัดการสอบขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับภาคทฤษฎีในรูปแบบ onsite สำหรับคำขอขึ้นทะเบียนกรณีทั่วไป และ online สำหรับคำขอขึ้นทะเบียนกรณีได้รับมอบหมายจากผู้ประกอบการเหมืองแร่
“กพร. มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่นำข้อมูลที่ได้จากงานรังวัดด้วยอากาศยานไร้คนขับไปประยุกต์ใช้และพัฒนาการทำเหมืองให้เกิดประโยชน์ โดยสามารถต่อยอดเพื่อยกระดับให้ระบบการจัดการเหมืองแร่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ
ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบการจัดการเดินรถ การติดตามความก้าวหน้าการเดินหน้าเหมือง และการวางแผนฟื้นฟูพื้นที่จากข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าข้อมูลจากงานสำรวจสมัยใหม่จะช่วยพัฒนาระบบการจัดการได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น” รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวทิ้งท้าย