โตชิบา ตั้งเป้าโต 20% รุกหนักครึ่งปีหลัง เปิดตัวสินค้าใหม่ 53 รุ่น ชูเทคโนโลยี IOT
โตชิบา ไทยแลนด์ เปิดแผนรุกหนักครึ่งปีหลัง’65 ตั้งเป้าเติบโต 20% สอดรับกับการเติบโตรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดตัวสินค้าใหม่ 53 รุ่น โดยเป็นสินค้า IOT มากถึง 18 รุ่น เดินหน้ารุกตลาดระดับกลางถึงไฮเอนด์ เน้นการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
นายอเล็กซ์ มา รองประธานบริษัท บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าประเทศไทยในปี 2565 ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตค่อนข้างคงที่ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดต่อเนื่องยาวนาน ประกอบกับภาวะสงคราม ปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน ค่าขนส่งที่สูงขึ้น สภาวะเงินเฟ้อที่กำลังเพิ่มขึ้น รวมถึงสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ไม่เป็นตามฤดูกาล ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดีตามคาด แม้ว่ารัฐบาลจะพยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงภาคเอกชนในแต่ละกลุ่มธุรกิจ พยายามสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และกิจกรรมการตลาดการขายมากมาย เพื่อช่วยกระตุ้นการซื้อ”
“อย่างไรก็ตาม สำหรับครึ่งปีหลัง โตชิบาตั้งเป้าเติบโต 2 ดิจิต โดยคาดการณ์ว่า สถานการณ์จะเริ่มเป็นบวกมากขึ้น จากปัจจัยที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการโควิด ผู้ผลิตต่างๆ เริ่มผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่มากระตุ้นการซื้อมากขึ้น การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มมีโครงการใหม่ๆ ผุดขึ้น การเดินทางของ นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น การที่ผู้บริโภคไทยออกมาทดลองใช้และซื้อสินค้ามากขึ้น รวมไปถึงเทศกาลต่างๆ ในปลายปี ที่น่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี”
“ในส่วนของ โตชิบา ไทยแลนด์ เอง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เติบโตต่อเนื่อง 2 ดิจิตมาตลอด และสำหรับครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเช่นกัน บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ ในระดับที่น่าพึงพอใจ ปี 2565 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตโดยแยกแต่ละหมวด โดยสินค้ากลุ่มตู้เย็น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 13.8% เป็น 17.4% ส่วนกลุ่มเครื่องซักผ้า คาดว่าจะเพิ่มจาก 9.6% เป็น 11% กลุ่มไมโครเวฟ คาดว่าจะเพิ่มจาก 19.5% เป็น 21.5% หม้อหุงข้าว คาดว่าจะเพิ่มจาก 5.8% เป็น 8.5% และเครื่องทำน้ำอุ่น คาดว่าจะเพิ่มจาก 9.3% เป็น 10%”
“สำหรับทิศทางของบริษัทฯ ในครึ่งปีหลัง เราตั้งเป้าเติบโต 20% รวมถึงสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และทันสมัยยิ่งขึ้น เน้นการทำตลาดกลุ่ม Middle to High โดยนำสินค้านวัตกรรม เข้ามาเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคที่รักความสะดวกสบาย ชอบเทคโนโลยี รักการเป็นผู้นำ ในขณะเดียวกัน ยังคงใส่ใจในกลุ่มผู้บริโภคกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ Young Generation ที่เน้นดีไซน์ ความคุ้มค่า (Value for Money) และความเป็นตัวตน (Unique)”
“กลยุทธ์การตลาดในปีนี้ บริษัทฯ เน้นในเรื่อง 1) การเพิ่มความหลากหลายของประเภทสินค้า รวมไปถึงจำนวนไลน์อัพสินค้าใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย โดยเปิดตัวสินค้าใหม่ มากถึง 53 รุ่น 2) เน้นการทำตลาดในกลุ่มสินค้า IOT ซึ่งเข้ามาจำนวน 18 รุ่น ที่สามารถเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์กับแพลตฟอร์มอัจฉริยะ TSmartLife ทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุม และใช้งานผลิตภัณฑ์ได้อย่างง่ายดาย ในทุกที่ทุกเวลา 3) เน้นการทำตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้เกิดการเข้าถึง รับรู้ และมีประสบการณ์ในการใช้งานก่อนการตัดสินใจซื้อ 4) การให้ความสำคัญกับคู่ค้า รวมถึงพนักงานขาย 5) การพัฒนาศูนย์บริการและงานบริการให้รวดเร็ว และเพียบพร้อมสำหรับรองรับจำนวนผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น และ 6) การพัฒนาระบบไอที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในแง่งานขาย การตลาด และการบริการ”
นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า “เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจเรื่องดีไซน์และดีเทล นอกจากนี้ ยังคำนึงถึงสุขภาพและให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น จะเห็นได้จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา ทุกคนเรียนรู้ ปรับเปลี่ยนมากขึ้น การเลือกซื้อสินค้าใดๆ แม้แต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ไม่ใช่แค่ฟังก์ชันและราคา แต่คำนึงถึงปัจจัยข้างต้นมากขึ้น”
“สำหรับครึ่งปีหลัง โตชิบาทุ่มงบการตลาดมากขึ้น เพื่อทำกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจร 360 องศา ทั้งในเรื่องการสร้างการมองเห็นของแบรนด์ (Brand Visibility) ผ่านการปรับโฉมหน้าร้านค้าทั่วประเทศให้ดูทันสมัยขึ้น รวมถึงการใช้สื่อโฆษณาต่างๆ ทั้งในรูปสื่อออนไลน์ การทำดิจิทัลและโซเชียล มาร์เก็ตติ้งแคมเปญ การใช้ KOLs (Key Opinion Leaders) ที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลบนโลกออนไลน์มาเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์ และสื่อออฟไลน์ อาทิ วิทยุ สื่อนอกบ้าน (Out of Home) สื่อ Transit รวมไปถึงการทำแคมเปญส่งเสริมการขาย และโรดโชว์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานจริง ณ ร้านค้า ตัวแทนจำหน่ายและย่านชุมชน”
“สำหรับสินค้ากลุ่ม IOT ที่เป็นสินค้าไฮไลท์ในครึ่งปีหลัง มุ่งหวังเจาะกลุ่มคนรักเทคโนโลยี ชื่นชอบในนวัตกรรม ซึ่งเป็น Niche Market แต่มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นในทุกๆ ปี เราตั้งเป้าวางสินค้าในร้านค้าหลักกว่า 100 สาขาทั่วประเทศในปีนี้ และขยายเป็นกว่า 300 สาขาในปีถัดไป พร้อมปูพรมดิสเพลย์ให้โดดเด่นภายใต้ชื่อ TSmartLife เทรนพนักงานขายให้มีความรู้และประสบการณ์อย่างแท้จริง เพื่อให้ข้อมูลผู้บริโภคได้อย่างละเอียด รวมไปถึงการเตรียมสื่อดิจิทัล และคอนเทนต์ทั้งในแง่วิดีโอแนะนำ วิดีโอสอน หรือแม้แต่การติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าใช้งานได้ง่าย การโปรโมทสินค้าในรูปแบบดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งที่เจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย การใช้ KOLs รวมไปถึงการทำโรดโชว์ นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน TSmartLife ยังสามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกับ Google Assistant และ Alexa เพื่อให้ผู้บริโภคสะดวก ง่ายดายยิ่งขึ้น”
นายริค หวัง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่าสำหรับสินค้าใหม่ ปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ รวม 63 รุ่น โดยเปิดตัวในครึ่งปีหลัง 53 รุ่น แบ่งเป็นตู้เย็น 13 รุ่น เครื่องซักผ้า 16 รุ่น และสินค้ากลุ่ม Small Appliance อาทิ ไมโครเวฟ เตาปิ้งย่าง หม้อหุงข้าว เครื่องฟอกอากาศ พัดลม เครื่องดูดฝุ่น เครื่องล้างจาน เครื่องกรองน้ำ และตู้กดน้ำ รวม 24 รุ่น โดยมีสินค้าไฮไลท์ที่มาแนะนำ คือ
ตู้เย็นไซด์บายไซด์ รุ่น GR-RS780WI-PGT(22) ขนาดความจุ 21 คิว ดีไซน์สวยงาม หรูหราการันตีรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจาก Reddot Design 2021 หน้าบานเป็นกระจกนิรภัยแข็งแรง ทนทาน ด้วยบานประตูกระจกสีดำ มาพร้อมเทคโนโลยีรักษาความชื้น Max-Humid Fresh เอกสิทธิ์เฉพาะโตชิบา ช่วยกักเก็บความชื้นภายในตู้ได้สูงสุดถึง 90% ช่วยรักษาความสดใหม่ของอาหารได้ยาวนานยิ่งขึ้น เย็นเร็ว และเย็นทั่วถึงทั้งช่องแช่เย็นและแช่แข็ง ด้วย Dual Alloy Cooling ประหยัดไฟ ทนทาน ทำงานเงียบด้วย Origin Inverter และควบคุมการทำงาน ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife ได้ ให้ชีวิตคุณสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ตู้เย็นมัลติดอร์ รุ่น GR– GR–RF605WI–PMT(06) ขนาดความจุ 18 คิว หน้าบานประตูสี Morandi Grey เคลือบผิว 10 ชั้น เพิ่มความทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนที่ตัวเครื่อง ระบบทำความเย็นแยกอิสระ 2 ชุด (Dual Cooling) ป้องกันกลิ่นปะปนกันระหว่างช่องแช่เย็นและช่องแช่แข็ง รักษาอุณหภูมิได้คงที่ มาพร้อมเทคโนโลยี Origin Inverter ที่เป็นระบบอินเวอร์เตอร์ทั้งคอมเพรสเซอร์และพัดลม ช่วยประหยัดไฟยิ่งขึ้น ระบบกำจัดกลิ่น Pure BIO ที่มี Ag+ ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็น พิเศษด้วยช่องเก็บของที่สามารถปรับระดับความชื้นให้เหมาะสมกับของที่แช่ได้ เพื่อการเก็บรักษาผักผลไม้ได้ยาวนานขึ้นและสามารถควบคุมการทำงาน ผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife ได้
ตู้เย็น 2 ประตู แบบช่องแช่แข็งด้านล่าง รุ่น GR–RB410WE–PMT(06) สะดวก ด้วยช่องแช่เย็นด้านบน ช่องแช่แข็งด้านล่าง ให้สามารถหยิบจับอาหารที่บ่อยกว่าได้ง่ายดายขึ้น นอกจากนี้ ยังมี Flex-Zone ซึ่งสามารถปรับอุณหภูมิช่องแช่ให้เหมาะสมกับอาหารที่ต้องการแช่ได้ ชั้นวางแข็งแรง ทนทาน ทำด้วยกระจกนิรภัย เป็นระบบอินเวอร์เตอร์ทั้งคอมเพรสเซอร์และพัดลม ช่วยประหยัดไฟ ทนทาน ทำงานเงียบ
เครื่องซักผ้าฝาหน้า DUAL DRUMS รุ่น TWD-BL160D4T(MG) ซึ่งใช้ระบบซักแบบถังคู่ โดยที่ถังบนเป็นระบบซักอย่างเดียว ความจุ 5 กิโลกรัม เหมาะสำหรับการซักผ้าที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ เช่น เสื้อผ้าเด็ก หรือเสื้อผ้าที่ต้องการซักเร่งด่วน ในขณะที่ถังล่างเป็นระบบซัก-อบ สามารถรองรับการซักที่ 10 กิโลกรัม และอบ 7 กิโลกรัม เหมาะกับการซักเสื้อผ้าทั่วไปปริมาณมาก ผ้าปูที่นอน หรือ ผ้าม่าน เป็นต้น ทั้งสองถังสามารถทำงานในเวลาเดียวกันได้ นอกจากนี้ยังมีระบบยับยั้งเชื้อโรคด้วยโลหะเงิน (Ag+) โดยเมื่อน้ำสัมผัสกับใบพัด ระบบจะปล่อย Ag+ อนุภาคนาโนออกมาโดยอัตโนมัติ เพื่อยับยั้งเชื้อโรคและแบคทีเรียในใยผ้าได้ และปกป้องได้นานกว่า 48 ชั่วโมง ในขณะที่ส่วนฝาถังและขอบยางก็ได้รับการทำความสะอาดด้วยระบบ 360° Spray หรือหัวฉีดน้ำแบบ 360 องศาที่ใช้ Ag+ เช่นกัน นอกจากนี้ ในการซักผ้าแต่ละครั้งเครื่องจะทำการคำนวนปริมาณน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มจากน้ำหนักของผ้าด้วยระบบ SenseDose และผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบการซักได้หลากหลาย เพื่อความเหมาะสมของเนื้อผ้า รวมถึงสามารถซักผ้าขนสัตว์ได้ เครื่องรุ่นนี้ยังเป็นระบบ Origin Inverter ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเงียบในการทำงาน ความทนทาน และการประหยัดพลังงาน
เครื่องอบผ้า ระบบ Heat Pump รุ่น TD–BK110G4T ความจุ 10 กิโลกรัมทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Sensedry เซ็นเซอร์อุณหภูมิและความชื้น ให้ผ้าแห้งในอุณหภูมิที่เหมาะสม ช่วยประหยัดเวลา ประหยัดไฟ และถนอมเนื้อผ้า ทนทาน ทำงานเงียบด้วย Origin inverter นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันอบกำจัดเชื้อโรคด้วย UV ให้ผ้าแห้งและสะอาดมากยิ่งขึ้น ใช้งานง่าย สามารถสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife
เครื่องซักผ้า ฝาบน รุ่น AW–DUM1300KT(SG) ความจุ 12 กิโลกรัม ทำงานเต็มประสิทธิภาพด้วยมอเตอร์ต่อตรงกับแกนซัก (Origin Inverter) ประหยัดพลังงาน ทนทาน ทำงานเงียบ สะดวกด้วยกล่องเก็บน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ขนาด 1,000 มิลลิลิตร ที่สามารถเก็บได้นานถึง 1 เดือน พร้อมปุ่มกดน้ำยาที่คำนวณปริมาณที่ควรใช้ 1 กด ต่อ 1 การซัก สะอาดล้ำลึกด้วยเทคโนโลยี Ultra Fine Bubble (UFB) ผลิตอณูฟองขนาดนาโนเพื่อเป็นประสิทธิภาพน้ำยาซักผ้าให้แทรกซึมลึกถึงเส้นใยมากยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยี The GreatWaves ช่วยประหยัดเวลา ประหยัดไฟ และลดการพันกันของผ้าได้
เตาอบไอน้ำไฟฟ้า รุ่น MS5-STR30SC(BK) ขนาดความจุ 30 ลิตร ที่มาพร้อม 3 ฟังก์ชันในเครื่องเดียว ได้แก่ อบไอน้ำ, อบลมร้อน, ย่าง อาหารสุกอย่างทั่วถึงด้วย Waterfall Stream สามารถสร้างไอน้ำภายใน 30 วินาที และให้ความร้อนสูงถึง 140°C ได้รวดเร็ว ช่วยคงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารที่ปรุงได้ครบถ้วน สะดวกกว่าเดิมด้วยเมนูอัตโนมัติถึง 36 เมนู รองรับการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife
หม้อหุงข้าว ลดน้ำตาล รุ่น RC-18IRSTH(K) ขนาดความจุ 1.8 ลิตร ข้าวสุกเท่ากันทุกเม็ด ด้วยเทคโนโลยีเหนี่ยวนำความร้อนแบบแม่เหล็ก กระจายความร้อน 3D พิเศษด้วยฟังก์ชันหุงข้าวเพื่อสุขภาพ ลดน้ำตาลในข้าว โดยที่ยังคงคุณค่าทางอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน หม้อในหนาถึง 3 มิลลิเมตร เคลือบพิเศษ 7 ชั้น กักเก็บความร้อนได้ดี และทำความสะอาดง่ายข้าวไม่ติดหม้อ สามารถตั้งเวลาหุงข้าวล่วงหน้าได้ถึง 24 ชั่วโมง สะดวก ใช้งานง่ายด้วยโปรแกรมปรุงอาหารอัตโนมัติ 17 โปรแกรม รวมถึงสามารถสั่งงานผ่านแอปพลิเคชัน TSmartLife
เครื่องล้างจาน อัตโนมัติ ประเภทตั้งพื้นรุ่น DW–14F2(BS)-TH ที่สามารถรองรับชุดจานได้ถึง 14 ชุด (162 ชิ้น) สามารถล้างด้วยน้ำอุณหภูมิสูงถึง 70°C ยับยั้งกลิ่น เชื้อโรค และแบคทีเรียสะสมบนภาชนะ สะอาดมากยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยี UV มีฟังก์ชันอบแห้งแบบ Turbo dry ให้จานแห้งเร็วขึ้น ประหยัดน้ำด้วยระบบล้างน้ำแบบหมุนเวียน ใช้น้ำเพียง 10 ลิตรเท่านั้น แผงควบคุมออกแบบสวยงาม หน้าจอ LED ซ่อนเมนูที่บนขอบประตูด้านใน ป้องกันการกดของเด็ก
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “ถึงแม้ปี 2565 นี้ ยังมีความท้าทายรออยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และการระบาดของโควิดยังคงมีอยู่ แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกเช่นกัน เช่น ภาคการท่องเที่ยวที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว รวมถึงมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ โตชิบา ไทยแลนด์ ยังมั่นใจว่าปีนี้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติได้มากขึ้น และจะเดินหน้าสร้างการเติบโตต่อไป พร้อมกับ ‘นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต’ ให้กับคนไทย โดยไม่เพียงแต่จะนำเสนอสินค้าเทคโนโลยีญี่ปุ่น ที่ผ่านขั้นตอนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ทั้งในเรื่องคุณภาพ ความสะดวกสบาย ดีไซน์ ไปจนถึงการประหยัดพลังงานและรักสุขภาพ แต่ยังมีการบริการจากทีมงานมากประสบการณ์ของบริษัทฯ ควบคู่ไปกับแคมเปญดีๆ อย่าง #Details Matter ซึ่งเป็นแนวทางการสร้างแบรนด์แบบยั่งยืนของโตชิบา ไม่ใช่แค่การจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพ การให้บริการที่ดี ราคาจับต้องได้ แต่กว่าจะมาเป็นทุกผลิตภัณฑ์ของเรา เรารับฟัง และคำนึงถึง ‘สิ่งเล็กๆ’ ที่หลายคนอาจมองข้าม พัฒนาเพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสรีระผู้ใช้ เกิดความสะดวกสบาย ใช้งานง่าย ประหยัด หรือแม้แต่เฮลธ์ตี้ยิ่งขึ้น เหล่านี้ คือ การสร้างแบรนด์ สร้างความเชื่อมั่น และศรัทธาอย่างแท้จริงและยั่งยืน ที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคว่าโตชิบาใส่ใจทุกรายละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคิดค้นและผลิตสินค้า การทำการตลาด การดูแลพาร์ทเนอร์และลูกค้า การพัฒนาพนักงานขายให้เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของลูกค้า และกิจกรรมเพื่อสังคม”