มาสเตอร์การ์ดระบุธุรกิจขนาดเล็กก้าวสู่ระบบดิจิทัลมากกว่า
สถาบันเศรษฐศาสตร์ของมาสเตอร์การ์ดระบุธุรกิจขนาดเล็กก้าวสู่ระบบดิจิทัลมากกว่าช่วงก่อนระบาดถึง 3 เท่า
ธุรกิจขนาดเล็กในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียนำหน้า ด้วยการเติบโต 32%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน ทั่วโลกในปีก่อน
กรุงเทพฯ – 19 ตุลาคม 2564 – มาสเตอร์การ์ดเผยรายงานข้อมูลการฟื้นตัวของธุรกิจขนาดเล็กหรือRecovery Insights: Small Business Reset โดยรายงานดังกล่าวรวบรวมข้อมูลของธุรกิจขนาดเล็กใน 19 ตลาดทั่วโลก เพื่อให้เกิดความเข้าใจในผลกระทบของการระบาดทั่วโลกและการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องของธุรกิจขนาดเล็ก โดยรายงานเผยว่า ในช่วงพีคของวิกฤตการณ์ ยอดขายของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMBs) ตามหลังธุรกิจขนาดใหญ่ถึง 20% อย่างไรก็ตามในปี 2564 การใช้จ่ายของผู้บริโภคกลับฟื้นตัวขึ้น ทำให้ยอดขายทั้งหมดของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMBs) เพิ่มขึ้น 4.5% ในช่วงเดือนสิงหาคม 2564 จนถึงปัจจุบัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 ในขณะที่ยอดขายอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น 31.4%
ข้อมูลเกี่ยวกับการฟื้นตัวด้านประกอบการของธุรกิจขนาดเล็ก Small Business Performance Index จากสถาบันเศรษฐกิจของมาสเตอร์การ์ดโดยรวบรวมข้อมูลระบุแนวโน้มสำคัญๆ ต่อไปนี้
- ธุรกิจที่ปิดตัวลง: ในช่วงแรกของการระบาดมีธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลกที่ปิดตัวลงในระยะยาวมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่กว่าถึงสามเท่า หนึ่งในสามของธุรกิจขนาดเล็กที่ปิดตัวลงในเดือนเมษายน 2563 ยังคงปิดตัวต่อไปอีก 6 เดือน และหนึ่งในห้าของธุรกิจขนาดเล็กยังคงปิดตัวต่อไปอีก 12 เดือน ในสหรัฐอเมริกาสถานการณ์แตกต่างออกไป โดยรวมแล้ว หนึ่งในสี่ของร้านค้าปลีกขนาดเล็กปิดตัวต่อไปอีก 6 เดือน เมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีเพียงหนึ่งใน 12 รายเท่านั้น
- ที่ตั้งของร้านค้า: การใช้จ่ายกับร้านค้าปลีกขนาดเล็กและขนาดกลางที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจลดลง 33% เมื่อเทียบกับปี 2562 ในขณะที่ยอดขายร้านค้าปลีกขนาดเล็กนอกเมืองเติบโตขึ้น 8% เนื่องจากนักท่องเที่ยวและคนทำงานใช้ชีวิตอยู่ในย่านใกล้บ้านมากขึ้น ทำให้ยอดขายของธุรกิจขนาดเล็กในย่านการค้าลดลง
- อีคอมเมิร์ซ: หลังจากมีการระบาด ทุกๆ เดือน ธุรกิจต่างๆ ย้ายไปช่องทางออนไลน์มากถึงสามเท่าของช่วงก่อนการระบาด โดยจุดสูงสุดคือเดือนมิถุนายน 2563 สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการช่องทางการซื้อขายออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการล็อคดาวน์ที่ทำให้คนเห็นสถานการณ์ที่เป็นจริงมากขึ้น จนทำให้การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ดิจิทัลยังคงอยู่และยกระดับไปทั่วโลกนับตั้งแต่นั้น
- ผู้ประกอบการ: มีผู้ค้าปลีกรายเล็กเปิดตัวในปี 2563 มากกว่าในปี 2562 หรือมากกว่าการเปิดตัวของห้างร้านขนาดใหญ่ถึงแปดเท่า เทรนด์ของการเปิดตัวธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในปี 2563 มีให้เห็นทั่วโลก สหราชอาณาจักร (มากกว่า 101%) สหรัฐอเมริกา (มากกว่า 86%) ออสเตรเลีย (กว่า 73%), เยอรมัน (กว่า 62%) บราซิล (มากกว่า 35%) และอเมริกาใต้ (กว่า 13%)
- ประเภทของธุรกิจ – ร้านอาหารและโรงแรม: ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กประสบความสำเร็จมากกว่าโรงแรมขนาดใหญ่เป็นอย่างมากในช่วงฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม) ของปี 2653 และปี 2564 ในที่ที่ผู้คนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ เทรนด์การพักในท้องที่ ให้ผลดีกับธุรกิจจัดหาที่พักขนาดเล็ก (และส่งผลกระทบต่อโรงแรมขนาดใหญ่ในเมือง) ในขณะที่ธุรกิจร้านอาหารจะแตกต่างออกไป ร้านอาหารขนาดเล็กและขนาดกลางกลับมีธุรกิจที่ไม่ดีเท่าร้านอาหารขนาดใหญ่ โดยตัวเลขคร่าวๆ จากทั่วโลกประมาณ 17% ในปี 2564 จากต้นปีมาถึงช่วงเวลาปัจจุบัน
“ธุรกิจจัดหาที่พักในย่านที่อยู่อาศัยของคนในพื้นที่เป็นธุรกิจที่ไปได้ดีอย่างยิ่งในช่วงการระบาด อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือธุรกิจเหล่านี้จะต้องพึ่งพาตลาดในพื้นที่ รวมถึงซัพพลายเชนในท้องที่ ในขณะที่กระแสเงินสดหมุนเวียนก็ตึงตัว” บริคลิน ไดวเยอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และหัวหน้าสถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ของมาสเตอร์การ์ดกล่าว “แต่เรามองเห็นโอกาสในอนาคต การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบดิจิทัลจะเป็นความหวังและทางออกจากการระบาด คือการกลับมาดำเนินกิจการของผู้ประกอบการและการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ”
การสนับสนุนเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจะยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับมาสเตอร์การ์ด ซึ่งมุ่งมั่นผลักดันให้ธุรกิจขนาดเล็กจำนวน 50 ล้านแห่งและผู้ประกอบการหญิงจำนวน 25 ล้านคนเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลภายในปี 2568 หลักสูตร Digital Doors ของมาสเตอร์การ์ดจะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เข้าสู่ระบบออนไลน์และปลอดภัย โดยธุรกิจเหล่านั้นจะมีเครื่องมือที่จะช่วยสร้างตัวตนบนโลกดิจิทัลได้อย่างดีที่สุดและเป็นส่วนหนึ่งของอีคอมเมิร์ซอย่างราบรื่น รวมถึง Small Business Digital Readiness Diagnostic ที่สามารถใช้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อไม่นานมานี้ มาสเตอร์การ์ดได้ลงทุน 25 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือธุรกิจขนาดไมโครและธุรกิจ SMBs จำนวน 5 ล้านรายเพื่อเปลี่ยนเข้าสู่ระบบดิจิทัลผ่านโปรแกรม Strive
นอกจากนี้มาสเตอร์การ์ดยังทำงานร่วมกับรัฐบาล ธุรกิจต่างๆ และองค์กรมากมายทั่วโลกเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจรวมถึงโปรแกรมต่างๆ และนโยบายที่ช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดเล็กเติบโต มาสเตอร์การ์ดได้จัดหาข้อมูลเชิงลึกของการใช้จ่ายในเมืองต่างๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม City Possible และ Recovery Insights รวมถึงข้อมูลเช่น เอกสารเกี่ยวกับนโยบาย ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่รัฐบาลให้การสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจ SMBs
ผู้สนใจสามารถดูรายงาน Recovery Insights: Small Business Reset ฉบับเต็มได้ที่นี่ รายงานฉบับนี้เป็นรายงานฉบับที่ห้าของ Recovery Insights ผู้สนใจสามารถดูรายงานอื่นๆ ได้ที่นี่
*การจัดทำรายงาน
สถาบันเศรษฐศาสตร์ของมาสเตอร์การ์ดได้พัฒนาผลสำรวจการดำเนินธุรกิจของธุรกิจขนาดเล็กเป็นระบบการจัดหมวดหมู่ระดับสากลให้กับธุรกิจ SMBs ผลสำรวจถูกรวบรวมโดยอัลกิริธั่มจากปัญญาประดิษฐ์เพื่อระบุการชี้วัดที่เป็นเอกลักษณ์เช่น จำนวนสถานที่ ปริมาณการขายและจำนวนการทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายของมาสเตอร์การ์ดแบบไม่เปิดเผยตัวตน
###
หมายเหตุ
การวิเคราะห์และเนื้อหาในรายงานฉบับนี้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือทางการศึกษาในการให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน หรือคำแนะนำสำหรับการดำเนินการใดโดยเฉพาะ และไม่ควรใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจด้านธุรกิจหรือการลงทุน เนื้อหาในรายงานไม่ได้มีการรับรองด้านความถูกต้อง และเป็นการให้ข้อมูลบนพื้นฐาน “ตามที่ระบุ” แก่ผู้ใช้โดยต้องรับผิดชอบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเอง เนื้อหาในรายงานฉบับนี้ตั้งแต่การคาดการณ์ทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการจำลองต่างๆ จากสถาบันวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์ของมาสเตอร์การ์ด ไม่ได้สะท้อนถึงผลการดำเนินงานหรือสถานะทางการเงินของมาสเตอร์การ์ดแต่อย่างใด
เกี่ยวกับสถาบันเศรษฐศาสตร์ของมาสเตอร์การ์ด
สถาบันเศรษฐศาสตร์ของมาสเตอร์การ์ดเปิดตัวในปี 2563 เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจในระดับมหภาคผ่านมุมมองของผู้บริโภค ทางสถาบันมีทีมนักเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์ และนักวิจัยข้อมูลที่ทำงานร่วมกันเพื่อนำข้อมูลเชิงลึกของมาสเตอร์การ์ดเช่น Mastercard SpendingPulse™ และข้อมูลจากหน่วยงานอื่นมาใช้เพื่อจัดทำรายงานเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจเพื่อเป็นประโยชน์แก่ลูกค้าหลักๆ พันธมิตร และผู้กำหนดนโยบาย
เกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ด
มาสเตอร์การ์ด เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกด้านการชำระเงิน เป้าหมายของเราคือการเชื่อมต่อและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลให้ครอบคลุมและเป็นประโยชน์แก่คนทุกคนในทุกพื้นที่ โดยการทำให้ธุรกรรมการเงินเป็นเรื่องปลอดภัย สะดวก และเข้าถึงได้ ด้วยข้อมูลที่ปลอดภัยและเครือข่ายพันธมิตร ทำให้เรามีนวัตกรรมและโซลูชั่นต่างๆ ที่สามารถช่วยบุคคลทั่วไป สถาบันการเงิน รัฐบาล และธุรกิจให้ตระหนักถึงศักยภาพของตัวเอง การทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อคนในองค์กร คือวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนทั้งภายในและภายนอกองค์กรของเรา ด้วยเครือข่ายในกว่า 210 ประเทศและพื้นที่ เราได้สร้างโลกที่ยั่งยืนและปลดล็อคความเป็นไปได้ในหลายๆ ด้าน