AH ส่งซิกผลงาน 2Q21 แกร่ง!อานิสงค์อุตฯรถยนต์ฟื้นดันออเดอร์แน่น
AH ส่งซิกผลงานไตรมาส 2/64 โดดเด่นกว่าปีก่อน
อานิสงค์อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ดันยอดคำสั่งซื้อทั้งใน-ต่างประเทศแน่น ประเมินครึ่งปีหลังสดใสต่อเนื่อง หนุนภาพรวมทั้งปี 2564 มีโอกาสกวาดรายได้ทะลุเป้า 21,000 ล้านบาท ล่าสุดคว้างานผลิตเพลารถยนต์รุ่นใหม่ เติมพอร์ตกว่าปีละ 1 พันล้านบาท เริ่มผลิตป้อนลูกค้าไตรมาส 4/64 พร้อมขยายธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ เล็งเปิดโชว์รูม MG แห่งใหม่แบบครบวงจรยึดหัวหาดย่านปทุมธานีปลายปีนี้ ผู้บริหารชี้ ราคาเหล็กขยับไม่กระทบธุรกิจในประเทศไทย ส่วนประเด็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขาดตลาด คาดกระทบบ้างช่วงครึ่งปีหลัง แต่ยังมั่นใจยอดผลิตรถยนต์เติบโต 8-10% จากปี 2563
นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้นำด้านธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์, ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย ประเมินภาพรวมผลงานไตรมาส 2/2564 ว่า เติบโตโดดเด่นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (ฐานต่ำผลการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกแรก) รับอานิสงค์อุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ซึ่งปัจจุบันเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเป็นแบบ V Shape จากเดิมคาดเป็น U Shape ส่งผลให้ปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น จากภาพรวมเศรษฐกิจประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น อาทิ ออสเตรเลีย ขณะที่ยอดขายภายในประเทศ ลูกค้ารายใหญ่ได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของยอดขายรถกระบะในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ลงนามสัญญางานใหม่ “พัฒนาและผลิตเพลารถยนต์รุ่นใหม่” มูลค่างานกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี (สัญญา 7 ปี) เริ่มผลิตช่วงไตรมาส 4/64 เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้นจะส่งออกไปยังแอฟริกาใต้และอาเจนติน่า นอกจากนี้ยังได้เดินหน้าขยายธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ โดยเตรียมเปิดโชว์รูม MG แห่งใหม่แบบครบวงจร บนทำเลย่านปทุมธานี ช่วงไตรมาส 4/64 รองรับการฟื้นตัวของดีมานส์ภายในประเทศ
ประธานกรรมการบริหาร AH บอกเพิ่มเติมว่า จากสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมรถยนต์ และแผนงานที่วางไว้ เชื่อมั่นผลงานช่วงครึ่งปีหลังสดใสต่อเนื่อง แม้อาจได้รับผลกระทบระยะสั้นจากปัญหาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ขาดตลาด และการขัดข้องเรื่อง Supply Chain บางส่วนจากการล็อคดาวน์ในประเทศมาเลเซีย หนุนภาพรวมรายได้ทั้งปี 2564 มีโอกาสทะลุเป้า 21,000 ล้านบาท หรือเติบโตกว่า 20% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ที่คาดจะเติบโตได้เพียง 5-10% พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไว้ได้ในระดับ 10-12% หลังเน้นบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพในระดับสูงต่อเนื่อง ปรับระบบการทำงานภายใน โดยเฉพาะงานปฏิบัติการ (Operation) ด้วยการนำ Robotic Process Automation : RPA เข้ามาปรับใช้