ศก.อินโดฯ ถดถอยครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี
จาการ์ตา : การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงจนทำให้เศรษฐกิจของอินโดนีเซียหดตัวในไตรมาส 3 ดิ่งลงสู่การถดถอยเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในเอเชียเมื่อ 20 กว่าปีก่อน
โดยตัวเลขจีดีพีของอินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน ดิ่งลง 3.49% ในไตรมาสเดือนก.ค. – ก.ย. เมื่อเทียบกับปีก่อน จากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อวันที่ 5 พ.ย. โดยการท่องเที่ยว ก่อสร้างและการค้าเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ข้อมูลล่าสุดเน้นย้ำถึงตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศที่มีการหดตัวต่อเนื่องกันสองไตรมาสแล้ว หลังจากหดตัวลง 5.3% ในไตรมาสเดือนเม.ย. – มิ.ย.
ครั้งสุดท้ายที่อินโดนีเซียประสบกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยคือปี 2542 จากวิกฤตค่าเงินในภูมิภาคที่ช่วยหนุนให้ผู้นำเผด็จการที่บริหารประเทศมายาวนานอย่างประธานาธิบดีซูฮาร์โตต้องลาออกไป
อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานสถิติระบุว่า ค่าเงินที่อ่อนค่าลงเริ่มปรับดีขึ้น โดยเสริมว่า ค่าเงินจะแข็งค่าขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี
“เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนนี้ แต่มีแนวโน้มว่าจะชะลอตัวและผันผวน” แกเรธ เลเธอร์ จากสำนักวิจัย Capital Economics ระบุในการวิจัยที่มีการตีพิมพ์ล่าสุด
“ ขณะที่อินโดนีเซียยังคงห่างไกลจากสถานการณ์ที่ควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ดูมีท่าทีจะคลี่คลาย ซึ่งจะส่งผลให้มีการผ่อนคลายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม” เขาเสริม
รัฐบาลทั่วโลกประสบกับสถานการณ์ยากลำบากเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากการระบาดในระลอกใหม่ทำให้ต้องมีมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประทศ
ธนาคารกลางอินโดนีเซียลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้งในปีนี้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐบาลเผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 48,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อช่วยรองรับผลกระทบจากไวรัส ที่ทำให้ธุรกิจชัทดาวน์เป็นจำนวนมากและสั่นคลอนการเติบโตของเศรษฐกิจ
ประชาชนหลายล้านคนถูกปลดออกจากงาน หรือถูกพักงาน จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
จนถึงตอนนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้น โดยอินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อสะสม 420,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 14,000 ราย ทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในอาเซียน
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าขนาดของวิกฤตจะใหญ่ขึ้นอีก เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการตรวจหาเชื้อไวรัสต่ำที่สุด
โดยประธานาธิบดีโจโค วิโดโดถูกวิจารณ์อย่างมากจากการรับมือของรัฐบาลที่มีต่อสถานการณ์การระบาด เนื่องจากเขาดูจะให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจมากกว่า
การมุ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตเกิน 5% เป็นนโยบายสำคัญอันดับแรกของประธานาธิบดีวิโดโดในการทำงานสมัยที่สองของเขาที่เริ่มต้นตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว