ฟิลิปปินส์เร่งตรวจ/ ‘ดูเตอร์เต’ ขู่จับคนไม่สวมหน้ากาก
เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ฟิลิปปินส์ระบุว่า จะเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด -19 มากขึ้น ท่ามกลางยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่พุ่งสูงขึ้น หลังรัฐบาลมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตขู่จะจับกุมคนที่ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย
Francisco Duque รมว.กระทรวงสาธารณสุขระบุในการประชุมทางไกลกับดูเตอร์เตว่า รัฐบาลตั้งเป้าที่จะตรวจหาเชื้อไวรัสได้ 32,000 – 40,000 รายต่อวัน เมื่อเทียบกับปัจจุบันซึ่งสามารถตรวจได้ 20,000 – 30,000 รายต่อวัน
จนถึงตอนนี้ ฟิลิปปินส์ตรวจหาเชื้อไวรัสไปแล้วเกือบ 1.1 ล้านคน แต่ Duque ระบุว่า ตั้งเป้าว่าจะตรวจให้ได้ถึง 10 ล้านคน หรือเกือบ 1 ใน 10 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ให้ได้ภายในไตรมาส 2 ของปีหน้า
“ เราไม่สามารถตรวจพลเมืองทุกคนได้ เนื่องจากไม่มีประเทศใดสามารถทำได้ แม้แต่ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดอย่างสหรัฐฯก็ตาม” Duque ระบุ
ในบรรดาสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียน ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย โดยตัวเลขผู้ป่วยยืนยันสะสมเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่ามาอยู่ที่ 68,898 ราย และตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเกือบ 1,835 ราย นับตั้งแต่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในบางพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากไวรัส
จาก 30 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด ฟิลิปปินส์อยู่ในอันดับที่ 24 ในแง่ของการตรวจทดสอบ จากข้อมูลของ Statista
โดยดูเตอร์เตขู่ว่าจะมีการจับกุมตัวผู้ที่แพร่กระจายเชื้อไวรัส โดยปฏิเสธไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย หรือรักษาระยะห่างจากคนอื่น ประธานาธิบดีที่มีการพูดจาโผงผางคนนี้เคยออกโรงเตือนเมื่อเดือนเม.ย.ว่า ผู้ที่ละเมิดมาตรการล็อกดาวน์จะถูกยิงวิสามัญเพราะเป็นตัวก่อปัญหาสำหรับรัฐบาล
“ เราไม่ได้มีความไม่สบายใจใดๆในการจับกุมตัวประชาชน” ดูเตอร์เตระบุในถ้อยแถลงเมื่อวันที่ 21 ก.ค. โดยเขาเสริมว่า นี่เป็น “อาชญากรรมร้ายแรง ” หากเป็นผู้แพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19
“ หากคุณถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจและถูกคุมขังที่นั่น คุณจะได้รับบทเรียนไปตลอดชีวิต ” เขากล่าวถึงกรณีผู้ที่ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัย
ในสัปดาห์ก่อน ทางการระบุว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและตำรวจต้องรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย หรือผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ
สัปดาห์ก่อน ทางการระบุว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและตำรวจจะพาตัวผู้ป่วยที่แสดงอาการเล็กน้อย หรือไม่แสดงอาการเลยออกจากบ้านไปอยู่ที่สถานกักตัว ก่อให้เกิดความกังวลในประเด็นว่าจะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน