มาเลย์เตือนปชช.เว้นระยะห่าง /เล็งบังคับสวมหน้ากาก
กัวลาลัมเปอร์ : นายกรัฐมนตรีมูห์ยิดดิน ยัสซินแห่งมาเลเซียแถลงทางโทรทัศน์เตือนให้ประชาชนชาวมาเลเซียปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม เนื่องจากมีการตรวจพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ โดยเสริมว่าอาจมีการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ
ในการแถลงทางโทรทัศน์เมื่อวันที่ 20 ก.ค. นายกฯมูห์ยิดดินระบุว่า มาเลเซียมีตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเลขสองตัวอีกครั้งนับตั้งแต่ 2 – 3 วันก่อน
“ สถานการณ์นี้ไม่อาจมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญได้ ผมแน่ใจว่าเราไม่ต้องการให้รัฐบาลกลับไปล็อกดาวน์อีก หากมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมยังขอภาวนาว่าเราจะไม่ต้องไปถึงระดับนั้น ” เขาระบุ
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังคงต่ำอยู่ แต่นายกฯมูห์ยิดดินแสดงความกังวลมีการตรวจพบ 13 คลัสเตอร์การติดเชื้อใหม่ในระหว่างที่มีการผ่อนปรนล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา
โดยผู้นำของมาเลเซียยังขอให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยอย่างต่อเนื่อง และยังคงเว้นระยะห่าง 1 เมตรกับผู้อื่นและหลีกเลี่ยงการสัมผัสติดต่อทางกาย
“รัฐบาลกำลังพิจารณาการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ รัฐบาลจะมีการประกาศรายละเอียดของกฎระเบียบในเร็วๆนี้ ”
จนถึงตอนนี้ มาเลเซียมีผู้ป่วยยืนยันสะสม 8,800 ราย โดยมีผู้เสียชีวิต 123 ราย
ที่ผ่านมา มาเลเซียมีมาตรการห้ามเดินทางตั้งแต่ 18 มี.ค. เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของประชาชนในที่สาธารณะ และสกัดวงจรการระบาดของไวรัส ต่อมา มีการอนุญาตให้ภาคธุรกิจส่วนใหญ่กลับมาเปิดดำเนินการได้อย่างค่อยเป็นค่อยไปเป็นระยะ ในขณะที่ตัวเลขการติดเชื้อค่อยๆลดลง
ขณะที่มีการผ่อนปรนตั้งแต่ 10 มิ.ย. – 31 ส.ค. โดยมีการยกเลิกหลายมาตรการคุมเข้ม ทั้งการท่องเที่ยวในประเทศ และภาคส่วนย่อยของการท่องเที่ยว โดยอนุญาตให้มีการเดินทางข้ามรัฐได้
สี่เดือนของมาตรการที่เข้มงวดทำให้มาเลเซียเริ่มรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเลขตัวเดียว และไม่มีผู้ติดเชื้อเลยนาน 2 – 3 วัน จนกระทั่งมีคลัสเตอร์การติดเชื้อใหม่ผุดขึ้น
เนื่องจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ นายกฯมูห์ยิดดินขอให้ชาวมาเลเซียที่กลับจากต่างประเทศมีวินัยในการกักตัวเองที่บ้านเป็นเวลานาน 14 วัน โดยผู้ที่ละเมิดไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับ
“ หากจำเป็น รัฐบาลจะให้ชาวมาเลเซียที่กลับจากต่างประเทศไปอยู่ที่ศูนย์กักตัวเพื่อควบคุมการเดินทางเข้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จะต้องมีการปฏิบัติตามกฎหมายและมีโทษปรับหนักขึ้นกับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย”
เขายังเตือนว่าการกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้งจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจมาก โดยการปิดธุรกิจอีกจะสร้างความเสียหายกับประเทศอย่างน้อย 2,000 ล้านริงกิต ( 15,160 ล้านบาท ) ต่อวัน
โดยเขาเสริมว่า หากมีการล็อกดาวน์อีกครั้ง คาดการณ์ว่าจีดีพีของมาเลเซียในปีหน้าจะไม่เป็นไปตามเป้า และอัตราการว่างงาน ซึ่งสูงถึง 5.3% ในเดือนพ.ค. อาจสูงยิ่งขึ้นกว่านี้