เหมืองหยกเมียนมาถล่ม ดับเกิน 160
ย่างกุ้ง , เมียนมา (CNN) – มีเหยื่อที่เสียชีวิตจากการถูกดินโคลนถล่มทับอย่างน้อย 162 ราย ที่เหมืองหยกในรัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นรัฐทางเหนือของเมียนมา
โดยเหตุดินโคลนถล่มเกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่เมืองพากัน ซึ่งมีหยกอยู่เป็นจำนวนมากในเช้าวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา
สำนักดับเพลิงของเมียนมาระบุว่ามีการกู้ร่างขึ้นมาได้ 162 รายจนถึงเวลา 19.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น และมีการนำเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายส่งโรงพยาบาลอีก 54 ราย โดยส.ส.Khin Maung Myint เตือนว่า ยอดผู้เสียชีวิตอาจสูงกว่านี้ แต่ฝนที่ตกหนักขัดขวางปฏิบัติการของทีมกู้ชีพให้ล่าช้าออกไป
ภาพจากเพจเฟซบุ๊กของสำนักดับเพลิงเมียนมาแสดงให้เห็นว่า ทีมกู้ชีพกำลังดึงร่างผู้เสียชีวิตออกจากดินโคลน และพาออกไปจากสภาพพื้นดินที่เฉอะแฉะเลอะเทอะ
“ คนงานเหมืองถูกโคลนถล่มทับ หลังจากฝนตกหนัก” หน่วยดับเพลิงของเมียนมาระบุในโพสต์เฟซบุ๊ก
องค์การสหประชาชาติในเมียนมาออกแถลงการณ์ที่ระบุว่า “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความสูญเสียชีวิตที่สะเทือนใจจากเหตุดินถล่มในพื้นที่เหมืองเมืองพากันในรัฐคะฉิ่นของเช้าวันที่ 2 ก.ค.2563” โดยผู้นำกองทัพของเมียนมาก็ได้ส่งสารแสดงความเสียใจกับเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ด้วย
เหตุดินถล่มและอุบัติเหตุร้ายแรงถึงแก่ชีวิตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติในเหมืองแร่อัญมณีของเมียนมา เนื่องจากเหมืองหยกจำนวนมากตั้งอยู่ในป่าทึบและห่างไกล แรงงานเหมืองจำนวนมากต้องทำงานในสภาพที่ยากลำบาก ต้องปีนภูเขาขึ้นลงเป็นประจำ
ในปีที่แล้ว แรงงานกว่า 50 รายถูกฝังจากเหตุโคลนถล่มที่เหมืองหยกในเมืองพากัน หลังจากน้ำล้นทะเลสาบ ย้อนไปในปี 2558 มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 113 รายเมื่อภูเขาหยกถล่มทับแรงงานที่กำลังหลับอยู่ในกระท่อมที่พัก
ทั้งนี้ เมียนมาเป็นประเทศผู้ผลิตหยกประมาณ 70% ของปริมาณหยกที่ผลิตได้ทั่วโลก ทำให้เมืองพากันกลายเป็นเมืองที่ตั้งของเหมืองแร่หยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก
หยกเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกที่ทำกำไรสูงสุดของเมียนมาและมีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้อานิสงส์จากดีมานด์ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน
Global Witness องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศตัวในการสืบสวนเรื่องการทุจริตและการทำลายสิ่งแวดล้อม ประเมินว่าอุตสาหกรรมหยกมีมูลค่าประมาณ 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2557 คิดเป็นเกือบครึ่งของตัวเลขจีดีพีทางการของเมียนมาในปีนั้น
แม้ตัวเลขที่แท้จริงของอุตสาหกรรมหยกไม่สามารถประเมินได้ แต่ Natural Resource Governance Institute ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุน จัดอันดับให้อุตสาหกรรมอัญมณีของเมียนมาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
การค้าประเวณีและการค้ายาเสพติดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชุมชนแรงงานเหมือง โดยรัฐคะฉิ่นเคยเป็นพื้นที่ของการระบาดหนักของเฮโรอีน โดยกลุ่มคนอายุน้อยใช้ยาเสพติดเป็นจำนวนมาก
โดยกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังกล่าวหาในรายงานปี 2561 ว่าอุตสาหกรรมเหมืองแร่ในรัฐคะฉิ่นของเมียนมามีการจ้างงานแรงงานที่ถูกบังคับและเอารัดเอาเปรียบ