สิงคโปร์ติดเชื้อทะลุ 3.1 หมื่นราย
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. สิงคโปร์รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด – 19 รายใหม่ 642 รายในช่วงบ่าย ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมดอยู่ที่ 31,068 ราย
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหอพักคนงาน จากรายงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยมี 6 รายเป็นชาวสิงคโปร์
โดยเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด -19 สะสมในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นทะลุ 30,000 รายแล้ว โดยมีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 614 รายในช่วงบ่าย ทำให้จำนวนผู้ป่วยทั้งหมดจากโควิด -19 ในสิงคโปร์อยู่ที่ 30,426 ราย
กระทรวงสาธารณสุขระบุในการแถลงข่าวว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแรงงานต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหอพักคนงาน
มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 รายที่เป็นชาวสิงคโปร์ หรือผู้อยู่อาศัยถาวร ลดลงจาก 13 รายในวันก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
โดยผู้ติดเชื้อ 13 รายเมื่อวันที่ 21 พ.ค. มี 3 รายเป็นเจ้าหน้าที่ในสถานรับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียน และอีก 4 รายเป็นผู้ที่อยู่ในเนิร์สซิงโฮม ทั้ง 7 ราย ตรวจพบจากยุทธศาสตร์เชิงรุกในการตรวจหาผู้ติดเชื้อของทางกระทรวง ขณะที่อีก 4 ราย เป็นสมาชิกครอบครัวในคลัสเตอร์ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคลัสเตอร์ในหอพัก
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. สมาคมประชาชนระบุว่า มาตรการกระจายหน้ากากอนามัยรอบที่ 3 จะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 26 พ.ค. ก่อนหน้าการยุติมาตรการเซอร์กิตเบรคเกอร์ในประเทศ
โดยประชาชนสามารถซื้อหน้ากากได้จากเครื่องขายหน้ากากอัตโนมัติที่จะติดตั้งที่สโมสรของทุกชุมชนจนถึงวันที่ 14 มิ.ย. จากการแถลงข่าวของสมาคมประชาชน นอกจากนี้ หน้ากากจะมีขายที่สโมสรของชุมชนและเคาน์เตอร์ของคณะกรรมการชุมชนตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. – 1 มิ.ย. ด้วย
สำหรับการกระจายหน้ากากในรอบที่ 3 นี้ รัฐบาลได้เตรียมหน้ากากไว้ 6 ล้านชิ้น เท่ากับครั้งก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. Ong Ye Kung รมว.กระทรวงศึกษาธิการขานรับความกังวลของผู้ปกครองเกี่ยวกับการเปิดโรงเรียนในวันที่ 2 มิ.ย.นี้
โดยเขาชี้แจงว่า หลังจากสามารถลดการแพร่เชื้อในชุมชนลงมาอยู่ในระดับต่ำและควบคุมได้แล้ว โรงเรียนสามารถเปิดทำการเรียนการสอนได้ด้วยคำแนะนำที่เคร่งครัด แต่การไปเรียนหนังสือไม่อาจเป็นเรื่องของความสมัครใจได้
เนื่องจากไม่สร้างขวัญและกำลังใจให้ทั้งเด็กและครู
“มีแนวโน้มว่าโรคระบาดโควิด-19 จะอยู่กับเรานานกว่าปี จนกว่าจะมีวัคซีนให้ใช้ ”
“ เราไม่สามารถให้เด็กๆอยู่ที่บ้านได้เป็นเวลานาน ” รมว.Ong กล่าว โดยเสริมว่าจะส่งผลกระทบกับการพัฒนาด้านจิตสังคม และสุขภาวะทางจิต
ทั้งนี้ เด็กก่อนวัยเรียนและเด็กนักเรียนชั้นประถมจะได้รับแจกเฟซชีลด์และเจลทำความสะอาดมือ ขณะที่เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นจะได้รับแจกเจลทำความสะอาดมือ