สิงคโปร์บังคับสวมหน้ากากออกนอกบ้าน
สิงคโปร์ – จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางการสิงคโปร์จึงกำหนดให้ประชาชนทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน นับเป็นมาตรการที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส
โดยผู้ที่ฝ่าฝืนมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับถึง 300 ดอลลาร์สิงคโปร์ ( ราว 7,032 บาท )
มีข้อยกเว้นให้ผู้ที่ออกกำลังด้วยความเข้มข้นสูง และเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ จากถ้อยแถลงของลอเรนซ์ หว่อง รมว.กระทรวงพัฒนาแห่งชาติในการแถลงข่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 14 เม.ย.
โดยผู้ที่สวมหน้ากากอาจถอดหน้ากากได้ขณะออกกำลังกาย เช่น การวิ่งและการเดินเร็ว แต่หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ต้องสวมหน้ากากต่อ
รมว.หว่อง ซึ่งเป็นประธานร่วมในหลายกระทรวงเพื่อการรับมือกับการระบาด ระบุว่า รัฐบาลพยายามลดจำนวนบริการที่สำคัญลง
โดยเขาระบุว่า กำลังแรงงานของสิงคโปร์ประมาณ 20% ซึ่งรวมถึงแรงงานต่างชาติยังคงเดินทางไปทำงานเนื่องจากอยู่ในบริการสำคัญ
“ เราจะตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ระบุว่าเป็นบริการสำคัญและกระชับมาตรการให้เข้มงวดขึ้น” โดยมีจุดประสงค์เพื่อลดการเคลื่อนไหวและให้ประชาชนอยู่บ้าน
เขาเสริมว่าจะมีการประกาศรายละเอียดเมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้น “เราจะลดจำนวนลงเท่าที่จะทำได้”
จากการกำหนดให้ทุกคนสวมหน้ากาก รมว.หว่องย้ำว่าไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้ออกนอกบ้าน
โดยเขาระบุว่า “ คุณไม่ควรออกนอกบ้านเท่าที่จะทำได้ แต่ในโอกาสที่คุณจำเป็นต้องออกข้างนอกเพื่อไปซื้ออาหารหรือของจำเป็น ก็เป็นเวลาที่คุณต้องสวมหน้ากาก”
เขาระบุว่า คนจำนวนมากปฏิบัติตามมาตรการที่เข้มงวดตลอดสัปดาห์ตั้งแต่สิงคโปร์ประกาศใช้มาตรการเซอร์กิตเบรคเกอร์ และตอนนี้จุดรวมคนอย่างสวนสาธารณะและตลาดสามารถควบคุมได้แล้ว
โดยเขายังชี้แจงว่า ข้อกำหนดให้สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะอาจมีการขยายเวลาออกไปอีกจากช่วงเวลาของมาตรการเซอร์กิตเบรคเกอร์ที่จะยุติลงในวันที่ 4 พ.ค.
สำหรับสถานที่ทำงานที่ยังคงเปิดอยู่ ไม่อนุญาตให้มีการสลับพนักงานไปทำงานตามสาขาต่างๆเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
ธูรกิจที่ฝ่าฝืนจะถูกปรับ 1,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ( ราว 23,440 บาท ) และผู้ให้บริการสำคัญอาจถูกระงับการให้บริการหากมีพนักงานที่ติดเชื้อ
มีผู้ถูกตักเตือนกว่า 6,200 คนและถูกปรับ 500 คนจากการฝ่าฝืนไม่ยอมเว้นระยะห่างทางสังคมตั้งแต่วันที่ 7 เม.ย.ที่มีการประกาศใช้มาตรการเซอร์กิตเบรคเกอร์
ชาวสิงคโปร์พยายามอยู่บ้านตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา และระบบขนส่งสาธารณะมีผู้ใช้บริการน้อยลงกว่า 70% อย่างไรก็ตาม ยังคงมีการแพร่ระบาดในชุมชน ซึ่งรวมถึงสถานที่ทำงานด้วย
โดยเมื่อวันที่ 14 เม.ย.สิงคโปร์รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 334 ราย ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 3,252 ราย.