ฮุนเซนโว..ยังเป็นนายกฯ อีกนาน

นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชากล่าวเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ว่า เขามีความมั่นใจว่าจะสามารถครองอำนาจต่อไปในการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า หลังจากคะแนนเสียงของฝ่ายค้านในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นลดลงไม่เป็นไปอย่างที่หวัง
การเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.เป็นเหมือนการทดสอบในวงกว้างของคะแนนเสียงของฝ่ายค้านของ
นายกฯ ฮุนเซน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำประเทศในเอเชียที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุด เขาถูกกล่าวหาจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนว่าใช้อำนาจในทางที่มิชอบ เช่น ข่มขู่ จับกุมตัว และดำเนินคดีทางกฎหมายกับคู่ต่อสู้ทางการเมืองของเขา
โดยฝ่ายค้าน คือพรรค Cambodia National Rescue Party (CNRP) ชนะด้วยคะแนนเสียงประมาณ 46% จากการประกาศผลการเลือกตั้ง ขณะที่พรรคของฮุนเซนคือพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ได้คะแนนไป 51%จากการนับคะแนนไปทั้งหมด 1,600 หมู่บ้าน
ครั้งนี้นับเป็นคะแนนเสียงที่ได้เพิ่มขึ้นของพรรคฝ่ายค้าน เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย แต่ที่จริงแล้ว ทางพรรคหวังว่าจะได้คะแนนเสียงประมาณ 60%
นายกรัฐมนตรีฮุนเซนโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก พร้อมกับภาพขณะที่เขาเล่นกอล์ฟว่า “ ชัดเจนแล้วว่าพรรครัฐบาลจะยังคงเป็นพรรคได้เสียงข้างมากในสมัชชาแห่งชาติ และยังคงเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป ”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนอยู่ในตำแหน่งผู้นำกัมพูชาและทางการเมืองต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานถึง 32 ปีแล้ว และอิทธิพลของเขายิ่งเพิ่มสูงขึ้นในการเลือกตั้งในประเทศ
โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ออกมาย้ำถึงเตือนถึงความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ หากพรรคการเมืองของเขาไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลในประเทศที่ประชาชน 1.8 ล้านคนต้องเสียชีวิตเพราะขาดอาหาร ความรุนแรง ความอ่อนเพลียหมดแรง หรือโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ในช่วงการปกครองของเขมรแดงในทศวรรษ 1970
การลงคะแนนออกเสียงเลือกตั้งดำเนินไปอย่างราบรื่นเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา และผู้สังเกตการณ์ได้ลงบันทึกถึงการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หรือ การข่มขู่เพียงเล็กน้อย
ฝ่ายค้านกล่าวว่า ยังคงพอใจกับผลการเลือกตั้ง “ การได้คะแนนเสียง 46% ในวันนี้หมายถึงคะแนนอย่างน้อย 56% ในปี 2561” โมโนวิทยา เคม สมาชิกอาวุโสของพรรค CNRP กล่าวกับสื่อรอยเตอร์
พรรคฝ่ายค้านทำผลงานได้ดีเกินคาดการณ์ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อปี 2556 ซึ่งทำให้พรรครัฐบาลมีสัดส่วนเสียงข้างมากลดลงในรัฐสภา
“ โมเมนตัมเริ่มเหวี่ยงไปทางฝ่ายค้าน ” นายอู วิรัก จากสำนักคิด The Future ให้ความเห็น “ ทำให้การเลือกตั้งในปี 2561 เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญที่สุด ผมคิดว่าฝ่ายค้านจะแข็งแกร่งขึ้น และทำให้ไม่สามารถทำนายผลการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ”