ฟิลิปปินส์ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
มะนิลา – ฟิลิปปินส์ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นว่าไวรัสโควิด -19 จะแพร่ระบาดโดยไม่มีการคัดกรองในกรุงมะนิลาและหัวเมืองใกล้เคียง
“ การระบาด เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องเข้าแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน” จากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา
ในเวลาต่อมา ฟิลิปปินส์ประกาศจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 10 ราย ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสมทั่วประเทศอยู่ที่ 20 ราย
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุขได้ออกโรงเตือนภัยสู่ “รหัสสีแดงระดับ 1” ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 หลังจากมีการยืนยันว่าฟิลิปปินส์ได้มีการแพร่เชื้อในประเทศแล้ว
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา มีการเปิดเผยจำนวนผู้ป่วยอีก 4 รายในกรุงมะนิลาที่กำลังทุกข์ทรมานจากโควิด -19 ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากไวรัส
“ นี่เป็นการเตือนภัยล่วงหน้าเพื่อให้มั่นใจว่ารัฐบาลและรัฐบาลท้องถิ่น และระบบสาธารณสุขของรัฐและเอกชนมีการเตรียมพร้อมรับมือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อและผู้ได้รับารยืนยันว่าติดเชื้อ” ฟรานซิสโก ดูเก รมว.กระทรวงสาธารณสุขกล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 7 มี.ค.
“การแพร่เชื้อในท้องถิ่นไปจนถึงการแพร่เชื้อในชุมชนที่มั่นคงสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว” เขากล่าวเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ไม่นานหลังจากมีการประกาศภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข
ปัจจุบัน รัฐบาลมีชุดทดสอบเพียง 4,500 ชุด โดยคาดการณ์ว่าองค์การอนามัยโลกจะสนับสนุนเพิ่มอีก 2,000 ชุด และยังมีการเสนอความช่วยเหลือมาจากจีนและเกาหลีใต้ด้วย
เขากล่าวว่า หากสถานการณ์ยกระดับขึ้น และมีการแพร่เชื้อในประเทศมากขึ้น รัฐบาลจะเพิ่มระดับการเตือนภัยสู่ “รหัสสีแดงระดับ 2” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ในสัปดาห์นี้ มีการปิดโรงเรียนและทำความสะอาดฆ่าเชื้อใน 3 เมืองใหญ่และ 2 เมืองเล็ก
ทั้งนี้ ผู้ป่วยวัย 62 ปีซึ่งเป็นการติดเชื้อรายแรกในประเทศ ภรรยาของเขาวัย 59 ปีก็ติดเชื้อด้วยเช่นกัน และทั้งสองคนไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศก่อนหน้านี้
เมื่อวันที่ 7 มี.ค. กระทรวงสาธารณสุขระบุว่า มีชาวฟิลิปปินส์อีก 2 ราย ชาวไต้หวัน 1 ราย และชาวอเมริกัน 1 ราย ที่มีผลตรวจไวรัสเป็นบวก ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อเป็น 10 ราย
ในกลุ่มนี้เป็นชายชาวจีนจากอู่ฮั่นที่เดินทางมาฟิลิปปินส์และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคระบาดนอกแผ่นดินจีน
คนไข้ 2 ราย ซึ่งเป็นชาวจีนทั้งคู่ได้รับการรักษาดีแล้ว ขณะที่ผู้ติดเชื้อรักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐที่มีการรักษาโรคระบาด