GDP อินโดฯไตรมาส 4 ชะลอตัวสุดใน 3 ปี
จาการ์ตา (รอยเตอร์) – การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 ชะลอตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี จากผลกระทบของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัวลง แม้จะมีความพยายามจากรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการลดดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งจากธนาคารกลางก็ตาม
การเติบโตในไตรมาสแรกของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน อาจได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาในจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าและแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของอินโดฯ
โดยเศรษฐกิจของอินโดนีเซียขยายตัว 4.97% ในไตรมาสเดือนต.ค. – ธ.ค.ปีที่แล้ว จากรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชะลอตัวลงกว่าการคาดการณ์ของโพลล์จากรอยเตอร์
ทำให้ในปี 2562 เศรษฐกิจของอินโดฯเติบโต 5.02% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของโพลล์ แต่ห่างจากเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.3% อยู่พอสมควร
การค้าทั่วโลกที่ชะลอตัวจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนส่งผลกระทบกับอินโดฯ ที่เป็นประเทศผู้ส่งออกโภคภัณฑ์สำคัญ ขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีส่งผลให้การตัดสินใจลงทุนล่าช้าออกไป
โดยการบริโภคครัวเรือน ซึ่งคิดเป็นมากกว่าครึ่งของ GDP อินโดฯ ชะลอตัวลง รวมถึงยอดขายเสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ก็หดตัวลงเช่นกัน Suhariyanto ผอ.สำนักงานสถิติระบุ
การลงทุนยังคงซบเซา แม้การเมืองจะมีเสถียรภาพขึ้นในไตรมาสเดือนต.ค. – ธ.ค.หลังการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ซึ่งชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้นำอินโดฯในสมัยที่ 2 และเริ่มทำหน้าที่บริหารประเทศในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว
Perry Warjiyo ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดฯ ( BI ) ให้คำมั่นว่าจะใช้ทุกมาตรการของธนาคารเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในปีที่แล้ว BI ปรับลดดอกเบี้ยลง 4 ครั้ง และผ่อนปรนเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อเพื่อหนุนการเติบโตของ GDP
เขาคาดการณ์ว่าว่า GDP จะเติบโต 5.3% ในปี 2563 สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล ทางการอินโดฯแสดงความเชื่อมั่นว่า มาตรการคุมเข้มการเดินทางและเงินทุนที่ไหลออกจากการระบาดของไวรัสโคโรนา
ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 500 ราย และติดเชื้อเกิน 24,000 ราย (ส่วนใหญ่ในจีน) จะไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของอินโดฯ
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 13% ของนักเดินทางทั้งหมดที่มาเยือนอินโดฯ และจีนยังเป็นประเทศผู้ซื้อสินค้าของอินโดฯ รายใหญ่ที่สุด การเติบโตของจีนที่ซบเซาลงมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบกับราคาโภคภัณฑ์
เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ธนาคารกลางระบุว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจในปี 2563 จากการระบาดของไวรัสโคโรนาจะมีเพียงเล็กน้อย.