อินโดฯหวั่นศก.ฟุบกระทบรายได้ภาษี
รัฐบาลอินโดนีเซียมีความกังวลว่ารายได้จากการจัดเก็บภาษีอาจลดลงในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีแนวโน้มจะลากยาวถึงสิ้นปี
การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดฯ ที่ซบเซาตั้งแต่ต้นปี 2562 เริ่มส่งผลกระทบกับรายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นแหล่งงบประมาณขนาดใหญ่ของรัฐบาล
จากข้อมูลเดือนม.ค.- ส.ค.ของกระทรวงการคลัง รัฐบาลมีรายได้จากภาษี 56,840 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 1.74 ล้านล้านบาท ) ซึ่งคิดเป็นเพียง 50.78% ของเป้ารายได้ภาษีในงบประมาณรัฐบาลปี 2562 โดยตัวเลขชี้ให้เห็นถึงการเติบโตเพียง 0.21% เมื่อเปรียบ
เทียบกับกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งในช่วงเวลานั้นรัฐบาลมีรายได้จากภาษีเพิ่มถึง 16.52%
แม้ภาษีโดยรวมจะมีการเติบโตในเชิงบวก แต่การขยายตัวยังคงต่ำกว่าหลายปีที่ผ่านมา
ตัวอย่าง เช่น รายได้ภาษีบุคคลเติบโตเพียง 10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าการเติบโต16.4% ในเดือนม.ค. – ส.ค. 2561
อย่างไรก็ตาม ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งคิดเป็น 20.9% ของรายได้จากภาษีทั้งประเทศ มีการเติบโตติดลบอยู่ที่ 6.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่การจัดเก็บภาษีนำเข้าลดลง 6% ในเดือนม.ค.- ส.ค.
จากเดือนม.ค. – ส.ค. ภาษีจากอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งคิดเป็น 28.9% ของรายได้ภาษีโดยรวม ปรับลดลง 4.9% จากปีก่อน
ราคาโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำในตลาดทั่วโลกส่งผลกระทบกับการจัดเก็บภาษี โดยรายได้ภาษีจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ และเกษตรกรรมแสดงให้เห็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนจากราคาถ่านหิน น้ำมันปาล์มดิบ และโภคภัณฑ์อื่นๆยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธนาคารโลกประเมินว่า GDP ของอินโดนีเซียอาจชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 4.9% ในปีหน้า และลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.6% ในปี 2565 จาก GDP เดิม 5.17% ในปี 2561 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว อินโดฯเข้าร่วมอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาองค์การศุลกากร โลก (AEO) ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลการเงินของผู้เสียภาษีอินโดฯในหลายประเทศและด้วยข้อมูลนี้ รัฐบาลสามารถตามแกะรอยผู้เลี่ยงภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
บาโวโน คริสเทียจี หุ้นส่วนวิจัยภาษีของ Danny Darussalam Tax Center (DDTC)ให้สัมภาษณ์สื่อจาการ์ตาโพสต์เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ว่า รายได้ภาษีในปีนี้ดูจะตามรอยรูปแบบในปี 2558 – 2559
เขายังชี้ว่า รัฐบาลขึ้นภาษีจากการทำธุรกรรมดิจิทัลและมีการเก็บภาษีที่เข้มงวดขึ้นกับบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางทำให้ฐานภาษีของประเทศกว้างขึ้น.