ศก.สิงคโปร์โตต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี
เศรษฐกิจของสิงคโปร์ชะลอตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบทศวรรษในไตรมาสแรก เนื่องจากการผลิตหดตัวลงจากผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน ทำให้ต้องลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตตลอดทั้งปีของสิงคโปร์ลงด้วย
โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ขยายตัว 1.2% ในไตรมาสแรกของปีนี้เมื่อเทียบกับปีก่อน จากข้อมูลเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของรัฐบาลที่ 1.3% และในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว
ตัวเลข GDP ยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของโพลจากรอยเตอร์ที่ 1.5% นับเป็นการเติบโตประจำปีที่ชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสเดือนเม.ย. – มิ.ย.2552 ที่ GDP หดตัวถึง 1.7% จากปีก่อนหน้า จากข้อมูลของรัฐบาล
เนื่องจากโมเมนตัมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รัฐบาลจึงลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของปี 2562 ลงมาอยู่ที่ 1.5 – 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้คือ 1.5 – 3.5%
สิงคโปร์ เหมือนกับอีกหลายประเทศคือเป็นคู่ค้าที่ต้องพึ่งพาทางการค้าในภูมิภาค ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทำลายซัพพลายเชนทั่วโลก การลงทุนธุรกิจและกำไรจากผลประกอบการ
เกเบรียล ลิม รมว.กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมกล่าวในการแถลงข่าวว่า การเติบโตที่ชะลอตัวของจีน และข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนส่งผลกับผลผลิตของสิงคโปร์ ขณะที่ดีมานด์ทั่วโลกที่อ่อนแรงลงในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ส่งผลกระทบกับภาคการผลิต
“ จากปัจจัยเศรษฐกิจภายนอก คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะชะลอตัวลงในปีนี้ ” ลิมระบุ “โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรรม คาดว่าจะเจอแรงต้านที่รุนแรงจากวงรอบอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง รวมทั้งความผันผวนจากความขัดแย้งทางการค้าที่ยังดำเนินอยู่”
ภาคส่วนการก่อสร้างเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาส โดยได้แรงหนุนจากงานของภาคเอกชนและภาครัฐ ตรงกันข้ามคือภาคการผลิตที่ชะลอตัวลงจากดีมานด์ทั่วโลกที่อ่อนแรง นับเป็นภาคส่วนที่มีผลประกอบการย่ำแย่ที่สุด โดยหดตัวลงถึง 7.1% ในไตรมาสแรก
สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ถดถอยบีบให้สิงคโปร์ลดตัวเลขคาดการณ์การส่งออกประจำปี 2562 ที่ไม่ใช่น้ำมันลงมาเป็น 2.0 – 0% เนื่องจากการจัดส่งในไตรมาสแรกหดตัวลงถึง 6.4%
ธนาคารกลางระบุถึงจุดยืนนโยบายการคลัง ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนเม.ย.หลังจากมีการคุมเข้มไปสองรอบก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าธนาคารกลางจะถูกบีบให้ปล่อยเงินกู้ง่ายขึ้นในการประชุมทบทวนนโยบายเดือนต.ค.
