โพลชี้วิโดโดชนะเลือกตั้งอีกสมัย
เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ผลการเลือกตั้งของอินโดนีเซียอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า ประธานาธิบดีโจโค วิโดโดจะชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 หนุนตลาดการเงินของประเทศให้สดใสขึ้น
ผลโพลของภาคเอกชนที่จัดทำจากกลุ่มตัวอย่างผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำนายว่าชัยชนะจะเป็นของประธานาธิบดีโจโค วิโดโด อีกครั้ง และจะทำให้เขามีโอกาสเดินหน้าปฏิรูปประเทศตามนโยบายของเขาได้ในสมัยที่ 2 นี้
การนับคะแนนอย่างเร็วชี้ให้เห็นว่า วิโดโดชนะป๊อปปูลาร์โหวตด้วยคะแนนอย่างน้อย 54% ทำให้เขานำคู่แข่งคือนายพลวัยเกษียณปราโบโว ซูเบียนโตประมาณ 8% ทั้งสองคนเคยเป็นคู่แข้งขันกันตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งที่แล้วในปี 57
ปราโบโว อดีตลูกเขยของผู้นำเผด็จการซูฮาร์โต กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ว่า คะแนนของเขาจะไม่ตามโจโควี่ เพราะเขาเชื่อว่าคะแนนของเขาน่าจะอยู่ที่ 52 – 54%
ในเวลาต่อมา ปราโบโวระบุว่าผลการนับคะแนนชี้ว่าเขาได้ 62% แม้เว็บไซต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้งระบุคะแนนของเขาอยู่ที่ประมาณ 45% ในช่วงเช้าวันที่ 18 เม.ย.จากผลการนับคะแนนของ 800 เขตเลือกตั้งจากทั้งหมดกว่า 800,000 แห่ง
โดยเมื่อวันที่ 17 เม.ย. วิโดโดระบุว่า ผลคะแนนชี้ว่าเขาจะได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยในอินโดนีเซียที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก แต่ขอให้ผู้สนับสนุนเขารอการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของกกต.ก่อน
ทั้งนี้ หน้าแรกของหนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์พาดหัวข่าวว่า “อีก 5 ปี” พร้อมภาพของประธานาธิบดีวิโดโด
ตลาดการเงินพุ่งขึ้นขานรับข่าวนี้ โดยเงินรูเปียห์เปิดที่ 14,000 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับขึ้น 0.57% และดัชนีตลาดหุ้นจาการ์ตาปรับขึ้น 1.5%
นักวิเคราะห์พยายามประเมินว่า วิโดโดจะเร่งเครื่องเดินหน้าปฏิรูปตามนโยบายของเขาที่ค้างคาในสมัยแรกได้หรือไม่ จะเปิดกว้างรับนักลงทุนต่างชาติ และผ่อนคลายกฎหมายแรงงานที่เข้มงวดได้หรือไม่
หลายเรื่องขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาที่จะหนุนให้กฎหมายผ่านสภาที่มี ส.ส.ที่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาใหม่ และชี้นำกองทัพที่มีแนวคิดชาตินิยมได้
Thomad Rookmaaker ผอ. Fitch Ratings ชี้ว่า การปฏิรูปที่สำคัญคือ การพัฒนาการศึกษา กฎหมายแรงงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น และการถือครองที่ดินที่ราบรื่นขึ้น
“ ความต้องการของรัฐบาลที่จะเดินหน้าปฏิรูปยังคงผันผวน แต่ผลการเลือกตั้งในการนับคะแนนคร่าวๆชี้ว่า มีเสียงสนับสนุนมากพอ เป็นเสียงข้างมากในสภาที่สนับสนุนโจโควี่” เขากล่าว โดยเอ่ยถึงประธานาธิบดีด้วยชื่อเล่น.