มหาเธร์เลือกอยู่ข้างจีนมากกว่าสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดแห่งมาเลเซียระบุว่า เขาเลือกที่จะเข้าข้างจีนมากกว่าสหรัฐฯ หากประเทศมาเลเซียถูกบีบให้ต้องเลือกข้างในสงครามการค้า หนังสือพิมพ์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดยผู้นำมาเลเซีย วัย 93 ปี ซึ่งเคยกล่าววิพากษ์วิจารณ์การลงทุนของจีนอย่างรุนแรงในประเทศมาเลเซีย ตระหนักดีว่าจีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่แสดงให้เห็นถึงโอกาสจำนวนมาก
มาเลเซียต้อง “ยอมรับว่าจีนมีความใกล้ชิดกับเรา” เขากล่าวกับสื่อ SCMP “และเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เราต้องการผลประโยชน์จากความมั่งคั่งที่เติบโตขึ้นของจีน”
โดยนายกฯมหาเธร์กล่าวให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ว่า ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะตัดสินใจว่าจะจัดการกับความสัมพันธ์กับจีนได้อย่างอิสระ
“ มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่ทำ ปัจจุบัน สหรัฐฯเป็นประเทศที่คาดเดาไม่ได้จากสิ่งที่ทำ” ผู้นำมาเลเซียกล่าวกับสื่อ SCMP ในการสัมภาษณ์ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ที่ซึ่งเขาได้มาเยือนอย่างเป็นทางการ
เมื่อถูกถามถึงความกลัวอิทธิพลของจีนที่มีมากขึ้น เขาระบุว่า “ แน่นอนว่าแนวคิดของจีน คือการได้มีอิทธิพลสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้” โดยเขาเสริมว่า “แต่จนถึงตอนนี้ จีนดูเหมือนจะไม่ได้อยากสร้างอาณาจักร ดังนั้น เราจะยังคงเป็นคนที่มีเสรีภาพ”
โดยนายกฯมหาเธร์ระบุว่า จีนจะใช้ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ “ เพื่อบรรลุจุดประสงค์ที่ดีที่สุดสำหรับจีน ซึ่งทำให้จีนยิ่งรวยขึ้น รวยขึ้น และนี่เป็นความทะเยอทะยานของทุกประเทศ”
“ ด้วยความมั่งคั่งของจีน จีนจะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับประเทศตะวันตกในอดีต” เขากล่าว
สำหรับสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุมล้อมบริษัทเทคโนโลยีสื่อสารยักษ์ใหญ่อย่างหัวเว่ย นายกฯมหาเธร์ระบุว่า มาเลเซียกำลัง “จับตามองอย่างใกล้ชิด” ในประเด็นนี้
สหรัฐฯระบุว่า มีความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านความมั่นคงในการใช้อุปกรณ์สื่อสารของหัวเว่ย โดยกล่าวหาว่า อุปกรณ์ของหัวเว่ยอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือจารกรรมข้อมูลให้รัฐบาลจีน และหัวเว่ยปฏิเสธคำกล่าวหาทั้งหมด
“ ในเวลานี้ เรายังไม่พบว่ามีความเสี่ยงกับความมั่นคงของเรา ตอนนี้ยัง หลังจากนี้อาจมีก็ได้” นายกฯมหาเธร์กล่าวกับสื่อ “ แต่เราไม่อาจทำตามประเทศอื่นๆ เพราะเทคโนโลยีของจีนดูจะล้ำหน้าเทคโนโลยีตะวันตก”.