เวียดนามดีใจได้สร้างสันติภาพ
ขณะที่ผู้นำเกาหลีเหนือและสหรัฐฯมีการดีเบตเรื่องปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี เจ้าภาพในการประชุมสัปดาห์นี้อย่างเวียดนาม ซึ่งเคยผ่านภาวะสงครามที่ยาวนานมาเช่นกัน กำลังเบิกบานใจที่ได้มีบทบาทเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพ
การเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมของสองประเทศในครั้งนี้หนุนให้เวียดนามได้รับความสนใจในฐานะสมาชิกที่เชื่อถือได้และมีความรับผิดชอบในประชาคมระหว่างประเทศที่ทำให้เกิดสันติภาพกับศัตรูเก่า และสามารถช่วยประเทศอื่นให้ทำได้เช่นกัน ทางการเวียดนามระบุ
การถือกำเนิดใหม่หลังถูกโดดเดี่ยวทางการทูตนานหลายทศวรรษในช่วงปี 2533 เวียดนามมีความกระหายจะปรับปรุงความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจ และในภูมิภาคเพื่อช่วยปรับสมดุลความสัมพันธ์ที่บาดหมางในประวัติศาสตร์กับประเทศเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่คือจีน ซึ่งประจันหน้ากับเวียดนามในการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ สถานะเวียดนามที่ได้หลังการประชุมจะช่วยสนับสนุนยุทธศาสตร์นี้
Le Hoai Trung รมช.กระทรวงต่างประเทศของเวียดนามระบุว่า สหรัฐฯและเกาหลีเหนือต่างสนใจที่จะจัดการประชุมในเวียดนาม “นี่แสดงให้เห็นว่า เวียดนามเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบและกระตือรือร้นของประชาคมนานาชาติ ต้องการให้กระบวนการสร้างสันติภาพก้าวหน้า และนโยบายของเวียดนามคือการยกระดับนโยบายต่างประเทศพหุภาคี” รมช.Trung ให้สัมภาษณ์สื่อในสัปดาห์ก่อน
เวียดนามมีสงครามต่อเนื่องยาวนานเกือบ 45 ปี หลังจบสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงช่วงปี 2533 โดยทำสงครามกับทั้งฝรั่งเศส สหรัฐฯ จีน และเขมรแดงในกัมพูชา แต่ในเวลานี้ “กรุงฮานอยเป็น “เมืองแห่งสันติภาพ” Trung กล่าว
“ เวียดนามเป็นชาติที่ชื่นชมสันติภาพ แต่ต้องทุกข์ทรมานจากสงคราม และสงครามจบลงได้ด้วยการเจรจาสันติภาพ ” เขากล่าว
การประชุมที่ประสบความสำเร็จจะช่วยหนุนจุดยืนของเวียดนาม Nguyen Quy Binh อดีตทูต และผู้แทนถาวรของเวียดนามประจำสหประชาชาติในเจนีวาให้ความเห็น
“ เสียงของเวียดนามจะมีน้ำหนักมากขึ้น เป็นประเทศที่มีความรับผิดชอบและมีชื่อเสียงมากขึ้น ประเทศที่เชื่อถือได้ จะมีเสียงที่แตกต่าง ” Binh กล่าวกับสื่อรอยเตอร์
โดยเขายังได้เอ่ยถึงกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ในจุดนี้ และระบุว่าสหรัฐฯสามารถช่วยปรับสมดุลอำนาจในภูมิภาคและสร้างเสถียรภาพ “ หากเวียดนามทำได้ดี น้ำเสียงและชื่อเสียงในความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆจะก่อให้เกิดประโยชน์”
นักการทูตตะวันตกและเอเชียระบุว่า พวกเขาคาดการณ์ว่าเวียดนามจะพยายามสนับสนุนการปฏิรูปในเกาหลีเหนือจากผลของการประชุม
ความพยายามเหล่านั้นจะยิ่งหนุนบทบาทของเวียดนามในฐานะประธานอาเซียนในปีหน้า และมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปี 2564
“ การเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมที่มีความอ่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นของเวียดนาม ในแง่ส่วนตัว ทางการเวียดนามมีความพอใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นความเบิกบานอย่างที่สุด ” นักการทูตอาวุโสตะวันตกระบุ
