ซูจีพ้อนักลงทุนมองแง่ลบกับรัฐยะไข่
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.นางอองซาน ซูจี ผู้นำเมียนมาเรียกร้องให้มีการลงทุนในรัฐยะไข่ ซึ่งเป็นรัฐที่เกิดวิกฤตผู้ลี้ภัยในช่วงที่ผ่านมา โดยระบุว่าโลก “มีมุมมองในแง่ลบที่คับแคบ” กับรัฐยะไข่ที่ผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงญา 730,000 คนอพยพหนีออกไปตั้งแต่ปี 2560
ในการเดินทางมาเยือนรัฐยะไข่ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก นางซูจีเน้นถึงวิธีการทางธุรกิจที่มีความรับผิดชอบ โดยเธอพูดถึงงานส่งเสริมการลงทุนที่ญี่ปุ่นเป็นสปอนเซอร์ในชายหาดงาปาลี ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
แต่เธอพูดสั้นๆถึงความขัดแย้งในพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างไกลจากทางเหนือหลายร้อยก.ม. และไม่ได้เอ่ยถึงชาวโรฮิงญา รวมถึงผู้ที่อยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยในบังคลาเทศ ทั้งชาวโรฮิงญาหลายแสนคน และชาวมุสลิมที่ยังคงติดอยู่ในค่ายและหมู่บ้านในรัฐยะไข่ ที่ซึ่งความเคลื่อนไหวและการเข้าถึงบริการเป็นเรื่องที่ถูกจำกัด
“ เป็นเวลานานเกินไปที่ประชาคมนานาชาติมุ่งสนใจอย่างแคบๆแต่ในแง่ลบในประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรัฐยะไข่ มากกว่าที่จะมองเป็นภาพใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพมหาศาลของรัฐนี้เพื่อสันติภาพและการพัฒนา” นางซูจีกล่าว
รัฐบาลของเธอรับทราบถึง “ ความท้าทายของความมืดมน” ที่ประสบในรัฐยะไข่ และพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อแก้ปัญหานี้
โดยเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพผู้นี้ให้คำมั่นที่จะทำให้เมียนมามีบรรยากาศที่เป็นมิตรกับนักลงทุน เพราะรัฐบาลของเธอพยายามที่จะพลิกฟื้นการลงทุนจากต่างชาติที่ซบเซา และการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวตะวันตก หลังจากวิกฤตโรฮิงญาทำให้เกิดความไม่พอใจไปทั่วโลก
งานส่งเสริมการลงุทนมีผู้เข้าร่วมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายเมียนมา เจ้าหน้าที่จากยูเอ็น และนักลงทุนและนักการทูตซึ่งส่วนใหญ่มาจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆในเอเชีย
ซูจีระบุว่า การลงทุนในประเทศและต่างประเทศจะมีบทบาทสำคัญในรัฐ แต่เตือนเรื่องการลงทุนที่ขาดความรับผิดชอบอย่างเช่น “ การขยายโครงการประมงเพื่อการพาณิชย์โดยไม่มีการตรวจสอบ” ที่อาจทำลายป่าชายเลนตามชายฝั่งของรัฐยะไข่
ผู้เชี่ยวชาญบางรายเตือนเรื่องการมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐยะไข่ว่าอาจเป็นการลดความสำคัญของชาวโรฮิงญาส่วนใหญ่ลงอย่างถาวร
รายงานพิเศษของสำนักข่าวรอยเตอร์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วเผยว่า ทางการเมียนมาสร้างบ้านใหม่ให้กับชาวพุทธ ในพื้นที่ซึ่งเคยเป็นที่อยู่เดิมของชาวโรฮิงญา ทำให้การส่งคืนผู้ลี้ภัยกลับมาที่เมียนมาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมียนมาระบุว่าพร้อมที่จะยอมรับผู้ลี้ภัยกลับคืนตั้งแต่เดือนม.ค. และปฏิเสธการเลือกปฏิบัติต่อชาวมุสลิมที่ยังคงอยู่ในรัฐยะไข่.