มุสลิมชุมนุมใหญ่ในจาการ์ตา
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ชาวอินโดนีเซียที่เป็นมุสลิมจำนวนเกือบแสนคนรวมตัวชุมนุมกันในกรุงจาการ์ตา นำโดยกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่เคยชุมนุมประท้วงขับไล่อดีตผู้ว่าการของเมืองที่เป็นคริสเตียนออกจากตำแหน่ง ย้ำชัดถึงอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มอิสลามก่อนหน้าการเลือกตั้งในปีหน้า
โดยการชุมนุมครั้งใหญ่นี้ มีอดีตนายพลปราโบโว ซูเบียนโต ซึ่งเป็นกลุ่มรักชาติที่มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับกลุ่มอิสลาม และกำลังจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งกับประธานาธิบดีโจโค วิโดโด หลังจากพ่ายแพ้ไปอย่างสูสีในระหว่างการต่อสู้ปี 2557
กลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากแต่งชุดสีขาวและถือธงของศาสนาอิสลาม เริ่มรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์แห่งชาติในกรุงจาการ์ตาในเวลาประมาณ 03.00 น.เพื่อร่วมกันละหมาด
“ เรามีความภูมิใจ เพราะอิสลามในอินโดนีเซียคืออิสลามที่มีความเป็นเอกภาพ และจะคงไว้ซึ่งสันติภาพเพื่อทุกคน ” ปราโบโวระบุในการกล่าวกับผู้ชุมนุม
เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายพันนายเข้าประจำการเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ แต่การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยกลุ่มผู้จัดงานเรียกการเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่า “งานคืนสู่เหย้า” ของกลุ่มที่เคยออกมาชุมนุมประท้วงร่วมกันอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2559 เพื่อกดดันให้อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาคือ นายบาสุกิ จาฮาจา ปุรนามา หรือ อาฮก ซึ่งเป็นผู้ว่าการคนแรกที่มีเชื้อสายจีนและนับถือศาสนาคริสต์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเขาพูดจาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม
โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2559 ชาวมุสลิมกว่า 100,000 คนออกมาชุมนุมกันบนท้องถนนในกรุงจาการ์ตาเพื่อเรียกร้องให้ตำรวจจับกุมตัวผู้ว่าการและดำเนินคดีกับเขาที่พูดจาดูหมิ่นศาสนาอิสลาม มีความตึงเครียดทางศาสนาและการเมืองแพร่กระจายไปทั่วในช่วงเวลานั้น โดยผู้ว่าการบาสุกิ ซึ่งเป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีโจโควี่ แพ้การแข่งขันเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการอีกสมัยให้กับคู่แข่งที่เป็นมุสลิม และต่อมาเขาถูกตัดสินจำคุก 2 ปีในข้อหาหมิ่นศาสนา
กลุ่มศาสนาอิสลามหัวรุนแรงถูกแบนในสมัยของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โต ซึ่งสิ้นสุดวาระในการบริหารประเทศในปี 2541 แต่กลุ่มมุสลิมนี้กลับสามารถรวมตัวกันอย่างแข็งแกร่งและแผ่ขยายอิทธิพลมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กลุ่มเคร่งศาสนาเกิดใหม่ขึ้นมาจากชายขอบของสังคมในอินโดนีเซียที่มีมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจโค ซึ่งเป็นผู้นำสายกลางที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนหัวสมัยใหม่ ได้เลือกผู้ทรงอิทธิพลของศาสนาอิสลามวัย 75 ปีคือ มารุฟ อาริมให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับเขาในการเลือกตั้งปีหน้า ก่อให้เกิดความกังวลในกลุ่มผู้สนับสนุนเขาว่า เขากำลังเอาใจกลุ่มมุสลิมสายอนุรักษ์นิยม เพื่อหวังเสียงสนับสนุนจากมุสลิมที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ขณะที่อินโดนีเซียเป็นประเทศพหุนิยม คือมีความแตกต่างหลากหลายของกลุ่มชนกลุ่มน้อย และที่ผ่านมา อินโดนีเซียเน้นว่าประเทศตัวเองเป็นมุสลิมสายกลางที่ไม่เคร่งศาสนาเท่ากับประเทศมุสลิมอื่นๆ.