นาจิบ/อดีตรมว.คลังโดนข้อหาเพิ่ม
อดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคของมาเลเซียถูกตั้งข้อหาเมื่อวันที่ 25 ต.ค.เพิ่มอีก 6 กระทงจากการกระทำผิดหน้าที่ละเมิดความไว้วางใจที่ทำให้เกิดความเสียหายกับกองทุนรัฐบาลจำนวน 6,600 ล้านริงกิต ( 52,866 ล้านบาท)
ขณะที่อดีตรมว.กระทรวงการคลัง อิร์วาน เซริการ์ ก็ถูกตั้งข้อหาร่วมกันกระทำความผิดกับอดีตนายกฯ นาจิบ และทั้งสองจะถูกดำเนินคดี
ที่ผ่านมา นาจิบปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าไม่ได้กระทำความผิดใดๆ โดยเขาถูกตั้งข้อหาจากทางอัยการทั้งหมดถึง 32 กระทง โดยส่วนใหญ่เป็นข้อหาเกี่ยวกับการใช้อำนาจในทางที่มิชอบ และการฟอกเงิน
จากข้อหาทั้งหมดของเขา อาจทำให้อดีตผู้นำมาเลเซียต้องรับโทษจำคุก ตั้งแต่ 2 – 20 ปี รวมทั้งโทษปรับด้วย แต่ทั้งสองคนจะได้รับการยกเว้นโทษโบย ซึ่งเป็นการลงโทษสำหรับการก่ออาชญากรรม เนื่องจากพวกเขามีอายุมากแล้ว
โดยทางอัยการกำหนดอัตราค่าประกันตัวไว้ 3 ล้านริงกิต ( 24 ล้านบาท) สำหรับผู้ถูกกล่าวหาแต่ละคน
ข้อหาเหล่านี้เป็นข้อหาล่าสุดจากการสอบสวนคดีคอร์รัปชัน ที่นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดเป็นผู้สั่งการให้มีการริ้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่หลังจากนาจิบแพ้การเลือกตั้งอย่างพลิกล็อกเมื่อเดือนพ.ค.ปีนี้
ทั้งนี้ นาจิบและอิร์วานเดินทางไปพบคณะกรรมการต่อต้านคอร์รัปชันแห่งมาเลเซียเมื่อวันที่ 24 ต.ค.เพื่อบันทึกคำให้การของพวกเขาเกี่ยวกับการจ่ายเงินของกองทุน 1 Malaysia Development Berhad (1MDB) ไปให้กับกองทุนความมั่งคั่งของอาบูดาบีคือ International Petroleum Investment Company ( IPIC)
ก่อนหน้านี้ ทางการสหรัฐฯ กล่าวหาว่ามีการโยกย้ายถ่ายเทเงินออกจากกองทุน 1MDB จำนวน 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (148,770 ล้านบาท) ซึ่งนาจิบเป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในปี 2552 และนั่งเป็นประธานกองทุน มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดในบอร์ดบริหาร
คาดการณ์ว่า ฮาซานาห์ อับ ฮามิด อดีตผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะถูกตั้งข้อหาเดียวกัน เกี่ยวข้องกับเงินกองทุนจำนวน
49,900 ล้านริงกิต โดยฮาซานาห์ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดในกรณีนี้ตั้งแต่เดิอนเม.ย. – พ.ค.ปีที่แล้ว
ข้อกล่าวหาทั้งหมดอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 409 คือการกระทำผิดหน้าที่ของผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลผลประโยชน์แทนผู้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อก็ตาม ซึ่งทำให้เสียหายแก่ทรัพย์สินที่ตนดูแลแทนอยู่
เมื่อเดือนก.ย. นาจิบถูกตั้งข้อหาว่าใช้อำนาจฉ้อฉล 4 กระทงที่เกี่ยวข้องกับเงินกองทุน 1MDB จำนวน 2,300 ล้านริงกิต (18,2423 ล้านบาท) อัยการยังได้แจ้งข้อหาที่เกี่ยวกับการฟอกเงินอีก 21 กระทง แบ่งเป็น 9 กระทงจากการรับเงินผิดกฎหมาย 5 กระทงจากการใช้กระบวนการผิดกฎหมาย และ 7 กระทงจากการโอนเงินไปให้บุคคลอื่น
ทั้งนี้ โกปาล ศรี ราม อดีตผู้พิพากษาศาลกลางที่เกษียณราชการแล้วเป็นผู้นำทีมอัยการสอบสวนในคดีนี้.