กัมพูชาร้อง EU กดดันการค้าไม่เป็นธรรม
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. รมว.กระทรวงค่างประเทศของกัมพูชาระบุว่า การตัดสินใจของสหภาพยุโรปในการกดดันกัมพูชาจากความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนเป็น “ความอยุติธรรมอย่างร้ายแรง” โดยเสริมว่า มีความเสี่ยงที่เรื่องนี้จะทำลายการพัฒนาประเทศที่ก้าวหน้าขึ้นในรอบหลายทศวรรษ
สัปดาห์ที่แล้ว สหภาพยุโรประบุว่ากัมพูชาจะเสียสิทธิพิเศษในการเข้าถึงตลาดสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เนื่องจากมีความกังวลในประเด็นสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนก.ค. ซึ่งมีผลทำให้นายกรัฐมนตรีฮุนเซนสามารถขยายเวลาในการปกครองประเทศออกไปอีก หลังผูกขาดอำนาจในการบริหารประเทศกัมพูชามานานกว่า 3 ทศวรรษแล้ว
“ รัฐบาลกัมพูชามองว่าการตัดสินใจนี้เป็นความอยุติธรรม จากสิ่งที่ EU เพิกเฉยอย่างโจ่งแจ้งต่อกระบวนการความก้าวหน้าของประเทศ แม้ว่าจะมีความสะเทือนใจในอดีต” รมว.กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 11 ต.ค.
“ จากการถอนมาตรการความช่วยเหลือ คณะกรรมาธิการยุโรปกำลังเสี่ยงที่จะลบล้างความพยายามในการพัฒนาประเทศมาตลอด 20 ปีของกัมพูชา” เขาเสริม
ทั้งนี้ EU ประกาศว่ากัมพูชาเสียสิทธิพิเศษในการเข้าถึงตลาดยุโรปภายใต้โครงการที่เรียกว่า Everythings But Arms (EBA) ซึ่งมีการยกเว้น
การเก็บภาษีสินค้านำเข้าทุกอย่างยกเว้นอาวุธจากประเทศด้อยพัฒนา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในแอฟริกา หลังจากมีการพิจารณาทบทวนสถานะปลอดภาษีของกัมพูชานาน 6 เดือน
เศรษฐกิจของกัมพูชาเกิดใหม่ได้อีกครั้ง หลังเกิดสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากเขมรแดงนานหลายทศวรรษ
ภายในสองทศวรรษที่ผ่านมา กัมพูชาผงาดขึ้นเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลกในปี 2560
ด้วยตัวเลขจีดีพีที่สูงถึง 7.6% อ้างอิงจากธนาคารโลก โดยการส่งออกเสื้อผ้าเป็นอุตสาหกรรมหลักของกัมพูชาและมีตลาดที่พึ่งพาสำคัญคือ EU และสหรัฐฯ
โดยมูลค่าการส่งออกของกัมพูชาไป EU สูงถึง 5,000 ล้านยูโร หรือราว 192,200 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มขึ้นจากจำนวนเล็กน้อยในเวลาไม่ถึง 10 ปี เนื่องจาก EU ใช้นโยบายการค้าเพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของกัมพูชา
กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า การเลือกตั้งทั่วไปในเดือนก.ค.ของกัมพูชาไม่เป็นธรรมเพราะไม่มีฝ่ายค้านที่สามารถเชื่อถือได้
พรรคสงเคราะห์ชาติเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักถูกศาลสูงสุดกัมพูชาตัดสินให้ยุบพรรคจากการยื่นคำร้องของรัฐบาลในปีที่แล้ว และไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง.