ศก.เวียดนามโตสุดในรอบ 8 ปี
เวียดนาม ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดในรอบ 8 ปีในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 นี้ สวนกระแสกับแรงกดดันที่กำลังเกิดขึ้นในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆที่เกิดจากแนวโน้มที่ผันผวนจากสงครามการค้าและเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่า
ภัยคุกคามจากความขัดแย้งทางการค้าที่ยกระดับขึ้นส่งผลต่อประเทศที่พึ่งพาการส่งออกอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย ขณะที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เผชิญกับความท้าทายเนื่องจากมีระดับหนี้ต่างประเทศสูง เพราะค่าเงินของสกุลเงินตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น
มีเงินทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ประมาณ 11,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่หลั่งไหลเข้าเวียดนามในเดือนม.ค. – ส.ค.ของปีนี้ เพิ่มขึ้น 9.2% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน กระทรวงการลงทุนรายงานในเดือนส.ค. โดยในปี 2560 เวียดนามมีจำนวน FDI พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ บริษัทจำนวนมากมาเปิดสำนักงานที่นี่ ” Robert Subbaraman หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ธนาคารโนมุระกล่าวกับสื่อ CNBC เมื่อวันที่ 10 ก.ย. “ FDI ที่ไหลเข้าแข็งแกร่งมากและสนับสนุนเวียดนามให้อยู่ในสมดุลที่ดี ”
ความใกล้ชิดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างเวียดนามกับจีน ประวัติศาสตร์การเมืองที่แข็งแกร่ง และความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจกับจีนกำลังออกดอกออกผล แรงกดดันด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ทำให้บริษัทผู้ผลิตของจีนเริ่มที่จะย้ายฐานการผลิตออกจากจีนไปยังประเทศอื่นในเอเชียที่มีค่าครองชีพถูกกว่า เช่น เวียดนามและบังคลาเทศ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่นและไต้หวันล้วนแล้วแต่มาลงทุนในเวียดนามก่อนหน้านี้แล้ว
Michael Langford ผู้อำนวยการบริหารที่ Airguide ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ระบุว่า ความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ จะยิ่งเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเวียดนามให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทางการเมือง
“ บริษัทของจีนจำนวนมากมีโรงงานที่ตั้งอยู่ในเวียดนาม โดยมีตั้งแต่บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรีอย่าง Vision ไปจนถึงผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ และผู้ผลิตเสื้อผ้า ” เขาเสริม
ทั้งนี้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการค้าเป็นหลัก ด้วยสัดส่วนการค้าต่อจีดีพีที่สูงประมาณ 200% และเพิ่มขึ้นอีก อ้างอิงจากข้อมูลของ Chidu Narayanan นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์
คาดการณ์ว่า FDI จะยังคงสูงอยู่ในปี 2561 นี้ โดยได้อานิสงส์จากอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งมีคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นเกือบ 50% Narayaman ระบุในผลวิจัยที่เผยแพร่ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา
สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์คาดกา่รณ์ว่า FDI ของเวียดนามในปีนี้จะสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2561 นี้ ลดความร้อนแรงลงจากเดิม 21,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2560
“ เวียดนามได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมในข้อตกลงการค้าแบบพหุภาคี ประชากรคนหนุ่มสาวและมีการศึกษา แรงงานที่มีราคาถูกและขยายตัวขึ้น และความเชื่อมโยงทางภูมิรัฐศาสตร์กับจีน ” Narayanan กล่าว
“ นี่เป็นการดึงดูดให้ FDI ที่แข็งแกร่งไหลเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีต่อจากนี้ ” Narayanan ให้ความเห็น.