มหาเธร์เตือนข้าราชการอย่าทำตามรัฐบาลทุกเรื่อง
ข้าราชการ โดยเฉพาะฝ่ายบริหารและเจ้าหน้าที่ทางการทูต รวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ซึ่งจงรักภักดีกับรัฐบาลไม่ควรทำตามคำสั่งของรัฐบาลทุกอย่างจนถึงขนาดต้องยอมทำผิดกฎหมาย นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดแห่งมาเลเซียกล่าว
หากข้าราชการพบว่างานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน หรืออาจเป็นการก่ออาชญากรรม ก็ไม่ควรปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านั้น ผู้นำมาเลเซียกล่าวย้ำ
“พวกคุณไม่ต้องทำตามคำสั่งของเราทั้งหมด คุณควรทำในสิ่งที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล” นายกฯมหาเธร์กล่าวในการประชุมที่ศาลากลางที่มีข้าราชการฝ่ายบริหารและการทูตประมาณ 3,500 คนเข้าร่วมเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา
โดยการประชุมยังมีรองนายกรัฐมนตรีวัน อาซิซาห์ วัน อิสมาอิล คณะรัฐมนตรี และหัวหน้าเลขาธิการรัฐบาลคืออาลี ฮัมซาเข้าร่วมด้วย
“ถ้าผม ในฐานะนายกฯ ผมสั่งให้คุณฆ่าใครบางคน คุณจะทำหรือไม่ ? มันมีความแตกต่างอยู่ระหว่างการสั่งการให้ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาล กับคำสั่งให้ก่ออาชญากรรม” นายกฯมหาเธร์กล่าว
นายกฯมหาเธร์ยังเสริมว่า เป็นเรื่องผิดสำหรับเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลด้วยหากมีการปกปิดหรือช่วยทำลายหลักฐานในการกระทำความผิดในคดีอาญา
ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มาเลเซียรื้อคดีอาชญากรรมเมื่อปี 2549 ขึ้นมาทำการสอบสวนใหม่ โดยเป็นคดีฆาตกรรมนางแบบสาวชาวมองโกเลียชื่อ อัลทันทูยา ชารีบู ซึ่งถูกฆ่าและศพของเธอถูกทำลายด้วยวัตถุระเบิดที่เป็นระดับการใช้งานของกองทัพ
เป็นที่รู้กันว่า เธอมีความสัมพันธ์เป็นชู้รักของอับดุล ราซัค บากินดา นักวิเคราะห์การเมืองซึ่งทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคในช่วงปี 2543 – 2552
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนคือ ซีรุล อซาร์ อุมาร์ และ อซิลาห์ ฮาดรี ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้อดีตนายฯนาจิบ ถูกสอบสวนพบว่ามีความผิด และถูกศาลตัดสินประหารชีวิตในปี 2558
ปัจจุบัน อซิลาห์ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำ Kajang ขณะที่ซีรุลหลบหนีไปออสเตรเลียก่อนศาลจะนัดฟังคำพิพากษา และถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถานกักกัน โดยเขายังคงยืนยันว่าเขาได้รับคำสั่งจาก ‘คนสำคัญ’ ให้ปลิดชีวิตนางแบบคนนี้
อัลทันทูยาเป็นสาวสวยที่เติบโตขึ้นมาในรัสเซีย เธอพูดได้ถึง 4 ภาษาคือรัสเซีย อังกฤษ จีนและเกาหลี เธอเป็นทั้งนางแบบและนักแปล เธอพบรักกับราซัค ซึ่งเป็นนักวิเคราะห์การเมืองที่แต่งงานแล้วในปี 2547 และในปี 2549 ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็จบลง
ในปีนั้นเอง เธอกลับมาที่มาเลเซียอีกเพื่อสะกดรอยตามราซัค ซึ่งปฏิเสธที่จะพบกับเธอ ในคืนวันที่ 19 ต.ค. ปี 2549 เวลาประมาณ 20.00 น. เธอปรากฎตัวที่หน้าบ้านของราซัค เมื่อเห็นเธอ ตำรวจ 2 คนก็เข้ามาจับตัวเธอขึ้นรถไป โดยพวกเขาพาเธอไปยังบริเวณป่าในรัฐเซลังงอร์
เธอถูกผลักลงบนพื้นและถูกยิงที่ศีรษะ 2 นัด จากนั้นผู้ก่อเหตุทั้งสองก็โยนวัตถุระเบิดใส่เธอ เพื่อหวังทำลายศพเธอให้หมด
มีการคาดเดากันว่า เธอถูกฆาตกรรมเพราะเธอพยายามจะขู่แบล็กเมล์ราซัคจากการคอร์รัปชั่นของเขาในดีลการซื้อเรือดำน้ำจากฝรั่งเศสที่มีมูลค่า 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเขาเป็นนายหน้าจัดซื้อให้กระทรวงกลาโหมของมาเลเซีย.