น้ำท่วมมะนิลา อพยพกว่า 5 หมื่นคน
ประชาชนมากกว่า 54,000 คนอพยพหนีไปอยู่สถานที่ปลอดภัยในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์และจังหวัดใกล้เคียง ขณะที่มีการร้องขอความช่วยเหลือบนโซเชียลมีเดียกันอย่างมากมายเนื่องจากฝนตกหนักในฤดูมรสุมทำให้เกิดความกลัวว่าจะรุนแรงเหมือนเหตุไต้ฝุ่นกฤษณาที่คร่าหลายร้อยชีวิตในกรุงมะนิลาเมื่อปี 2552
ย่านมาริกินา ที่อยู่ชานเมืองของกรุงมะนิลาประกาศคำสั่งอพยพที่ส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างน้อย 21,000 คน หลังจากแม่น้ำของเมือง ซึ่งเป็นเหมือนอ่างเก็บน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขา สูงขึ้นถึงระดับวิกฤต และในจังหวัดใกล้เคียงอย่างจังหวัดรีซัล มีประชาชนประมาณ 19,000 คนที่ต้องอพยพหนีน้ำ
“ ระดับน้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายกเทศมนตรี Marcelino Teodoro กล่าวกับสถานีวิทยุ DZBB ในเมืองมาริกินาเมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค.
โดยมีการเปรียบเทียบกับไต้ฝุ่นกฤษณา หลายครอบครัวต้องหนีน้ำท่วมขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังคาในย่านมาริกินาเพื่อรอความช่วยเหลือ อ้างอิงจากทวิตเตอร์ที่มีประชาชนโพสต์ขอความช่วยเหลือจากเหตุน้ำท่วมหนักเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ มีประชาชนมากกว่า 9,000 คนที่ต้องอพยพหนีน้ำในย่านเกซอน วาเลนซุเอลา กรุงมะนิลา มาลาบอน และพาสิก ซึ่งล้วนแต่อยูในพื้นที่เมืองหลวงทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงาน
ระดับน้ำท่วมในบางพื้นที่สูงถึงอก ทำให้ถนนหลานสายสัญจรผ่านไม่ได้ อ้างอิงจากสำนักพัฒนากรุงมะนิลา และเขื่อนหลายแห่งต้องเปิดระบายน้ำออกมาจำนวนมาก จากรายงานของสำนักอุตุนิยมวิทยา
รถไฟหยุดให้บริการและโรงเรียนปิด ในจังหวัดคาบีเตใกล้กรุงมะนิลา นอกจากนี้ สะพานที่ใช้เป็นเส้นทางลัดเพื่อเดินทางไปย่านท่องเที่ยวอย่างเมืองตะไกไตก็ทรุดตัวพังลง อ้างอิงจากการรายงานของสำนักข่าว ABS-CBN
พายุโซนร้อนและความกดอากาศต่ำอีกระลอกนอกประเทศกำลังก่อตัวทำให้เกิดมรสุมทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟิลิปปินส์ ทำให้มีฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้างบนเกาะลูซอน รวมทั้งกลางกรุงมะนิลา และจะมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 13 ส.ค. จากรายงานของสำนักอุตุนิยมวิทยา
ฟิลิปปินส์ เป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบกับภัยพิบัติจากพายุมากที่สุดในโลก โดยต้องเผชิญกับพายุโซนร้อนซึ่งก่อตัวขึ้นเหนือมหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉลี่ยมากถึง 20 ลูกต่อปี
ในเดือนก.ย.ปี 2552 พายุกฤษณาส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก โดยภายในวันเดียวมีปริมาณน้ำฝนสะสมมากเท่ากับ 1 เดือน ถือเป็นเหตุฝนตกหนักที่สุดในรอบกว่า 40 ปีของฟิลิปปินส์
ส่งผลให้ประชาชนมากกว่า 4.9 ล้านคนได้รับผลกระทบจากพายุ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 462 ราย และทำความเสียหายกับโครงสร้างพื้นฐานมากถึง 11,000 ล้านเปโซ หรือราว 7,260 ล้านบาท อ้างอิงจากข้อมูลของรัฐบาล.