สิงคโปร์บูมหลังการประชุม “ทรัมป์-คิม”
หลังภาพการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือที่สิงคโปร์เผยแพร่ไปทั่วโลก ชาวอเมริกันเริ่มถามกันว่า “ สิงคโปร์อยู่ที่ไหน ? ”
โดยสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นเจ้าภาพในการพูดคุยเรื่องการปลดอาวธนิวเคลียร์ในสัปดาห์นี้ กลายเป็นคำที่มีการเสิร์ชหาข้อมูลบนกูเกิลในสหรัฐฯ มากที่สุดเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ด้วยจำนวนการเสิร์ชมากถึง 2 ล้านครั้ง
หัวข้อการสืบค้นที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลา 24 ชั่วโมงคือ สิงคโปร์อยู่ที่ไหน, การประชุมสุดยอดผู้นำที่สิงคโปร์ และ เวลาในสิงคโปร์
สิงคโปร์ระบุว่า ใช้งบประมาณ 20 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 488 ล้านบาทในการจัดการประชุม โดยตัวเลขนี้ก่อให้เกิดความไม่พอใจกับชาวสิงคโปร์พอสมควร อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดกล่าวว่า ผลลัพธ์ที่ได้จากการประชุมจะมีมูลค่าสูงกว่างบประมาณที่ใช้ในการจัดการประชุมกว่า 10 เท่า
“ การประชุมนี้ทำให้สิงคโปร์ได้เผยโฉมอยู่บนแผนที่ของผู้ชมทั่วโลก ” โอลิเวอร์ ชอง ผู้อำนวยการบริหารด้านการสื่อสารและการตลาด ประจำการท่องเที่ยวแห่งสิงคโปร์กล่าว
รายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อปีของสิงคโปร์ มีจำนวนนักเดินทางผู้มาเยือนสูงถึง 17.4 ล้านคนในปี 2560 โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด รองลงมาคืออินเดีย
แต่ไม่กี่เดือนก่อน Time Out นิตยสารไลฟ์สไตล์ชั้นนำจัดอันดับให้สิงคโปร์เป็นเมืองที่น่าตื่นเต้นน้อยที่สุดในโลก
Andrew Darling ประธานบริหารและผู้ก่อตั้ง West Pier Ventures กล่าวว่า จะต้องใช้จ่ายงบประมาณมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 4,886 ล้านบาท เพื่อสร้างให้สิงคโปร์เป็นที่รู้จักได้ขนาดนี้
บริษัทสื่อ Meltwater กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมการประชุมเป็นเวลาสามวัน จะเท่ากับงบประมาณของการทำโฆษณาเป็นจำนวน 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ผลลัพธ์ของการประชุมจะสูงถึง 767 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 24,743 ล้านบาท
“ การประชุมสุดยอดผู้นำทรัมป์ – คิม กลายเป็นงานอีเวนต์เดี่ยวที่สำคัญที่สุด ทำให้สิงคโปร์กลายเป็นสถานที่ดึงดูดใจผู้คนส่วนใหญ่จากทั่วโลก ” Jason Tan ตัวแทนโฆษณา Zenith ของสิงคโปร์ให้ความเห็น
“ สำหรับชาวเอเชียจำนวนมาก สิงคโปร์เป็นตัวเลือกของจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีภาพลักษณ์ชัดเจนคือ เป็นประเทศที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย สำหรับชาวอเมริกันที่ไม่คุ้นเคยกับเอเชีย การประชุมทำให้สิงคโปร์เป็นที่จับตามองในเวทีระดับโลก ”
ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ทำข้อผิดพลาด ด้วยการระบุว่าสิงคโปร์เป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียในบันทึกจดหมายเวียนที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ซึ่งก่อให้เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์อย่างกว้างขวาง.