ฟิลิปปินส์หวังหยุดค้ากามเด็กไซเบอร์
การต่อสู้เพื่อยุติการค้าประเวณีเด็กทางไซเบอร์ในฟิลิปปินส์จำเป็นต้องมีประเทศอื่นๆช่วยในการควบคุมผู้ที่เป็นลูกค้าซึ่งจ่ายเงินเพื่อดูคลิปเด็กถูกทารุณกรรมทางเพศผ่านเว็บแคม ส.ว.ฟิลิปปินส์กล่าว
หลายหน่วยงาน เช่น องค์การยุนิเซฟของสหประชาชาติระบุว่า ฟิลิปินส์เป็นศูนย์กลางของการค้าประเวณีเด็กทางไซเบอร์ เนื่องจากมีเด็กจำนวนมากที่ถูกบังคับให้แสดงท่าการร่วมเพศ หรือถูกทารุณ และถูกข่มขืนโดยญาติผ่านเว็บแคม
กระทรวงยุติธรรมแถลงว่า ฟิลิปปินส์ได้รับรายงานอย่างน้อย 3,000 ฉบับต่อเดือนจากประเทศอื่นๆ ว่ามีกรณีที่เด็กชาวฟิลิปปินส์ถูกทารุณกรรมทางเพศบนโลกออนไลน์
ส.ว. ลอเรน เลการ์ดากล่าวว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องมีกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์ที่ดีกว่านี้ ซึ่งมีโทษหนักจนถึงจำคุกตลอดชีวิต และต้องมีความช่วยเหลือจากทั่วโลกที่จะหยุดการค้าประเวณีเด็กทางไซเบอร์ ซึ่งเหยื่อถูกขายมาเพื่อให้ถูกทารุณทางเพศบนโลกออนไลน์
“ประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งมีความต้องการดูคลิปเด็กๆถูกทารุณกรรมทางเพศในโลกออนไลน์อยู่มาก ต้องมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้” เธอกล่าวกับมูลนิธิธอมสันรอยเตอร์ไม่กี่วันหลังจากเธอกล่าวสุนทรพจน์เรื่องเด็กๆที่เป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในวุฒิสภา
โดยเธอระบุถึงกรณีล่าสุดในควีนสแลนด์ ออสเตรเลีย ซึ่งชายคนหนึ่งต้องติดคุกและถูกปรับเป็นจำนวน 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากกระทำความผิดโดยการรับคลิปลับของเด็กหญิง 2 คนจากแม่ชาวฟิลิปปินส์
“นี่เป็นการเรียกร้องให้เพิ่มโทษทางกฎหมายเพื่อเด็กๆชาวฟิลิปินส์ของเรา ต้องเพิ่มโทษปรับให้สูงเพื่อลดความต้องการลง” เธอผู้ซึ่งเป็นส.ว. 3 สมัยและเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานวุฒิสภาของฟิลิปปินส์กล่าว
มีการประเมินว่า มีอย่างน้อย 400,000 คนในประเทศ หรือ 1 ใน 250 คนที่ถูกกักขังอยู่ในระบบทาสยุคใหม่ อ้างอิงจากดัชนีการค้าทาสสากลในปี 2559 ของ Walk Free Foundation
โดยฟิลิปปินส์ถูกพิจารณาว่าเป็นจุดค้ามนุษย์สำคัญในภูมิภาค ทั้งจากแรงงานในประเทศที่ถูกเอาเปรียบ หรือ ที่ถูกส่งไปเป็นทาสค้ากามในต่างประเทศ และปัจจุบันคือการค้าประเวณีเด็กทางไซเบอร์
“เราได้รับความช่วยเหลือมากมายจากยอดไลค์ในออสเตรเลีย อังกฤษ เยอรมนี นอร์เวย์ และสหรัฐฯ เพื่อจัดการกับผู้ที่หาประโยชน์จากเด็กในเรื่องเพศบนโลกออนไลน์ แต่เรายังต้องการมากกว่านี้” Juvy Manwong ผู้ช่วยเลขานุการของกระทรวงยุติธรรมกล่าว
“เป็นเรื่องที่ทำร้ายจิตใจมากที่เห็นการลงโทษสถานเบากับผู้ซื้อในประเทศอื่นๆ” เธอกล่าวกับมูลนิธิธอมสันรอยเตอร์
ส.ว.เลการ์ดากล่าวว่า ฟิลิปปินส์ต้องสร้างความตระหนักรู้ในอาชญากรรมและต้องมีกฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อจัดการกับผู้กระทำความผิด และสนับสนุนให้ผู้คนช่วยกันรายงานกรณีเหล่านี้ และสอนเด็กๆให้มีการป้องกันตัวเองที่ดีขึ้นทั้งนอกและในโลกออนไลน์
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ องค์กรการกุศล รัฐบาล และเจ้าหน้าที่สายการบินในเมืองแองเจลิส ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นแหล่งการค้ามนุษย์ ได้ทำภารกิจร่วมกันในการลาดตระเวนทั่วเมืองเพื่อค้นหาผู้กระทำความผิด ให้ความช่วยเหลือเหยื่อ และกันคนออกจากอันตราย
“การค้าผิดกฎหมายเป็นเว็บที่ซับซ้อน การต่อสู้ในเรื่องนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากจากทุกภาคส่วนของสังคม” ส.ว.เลการ์ดากล่าว.