ลาวพึ่งจีนมากเสี่ยงล้มละลาย
ลาวยังติดอันดับอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุดของสหประชาชาติ รัฐบาลต้องการให้ประเทศพ้นจากอันดับนี้ เพื่อให้ประสบผลสำเร็จ ลาวได้กู้ยืมเงินจากต่างประเทศเพื่อนำมาเป็นทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ
นโยบายของรัฐบาลที่มีความเสี่ยงระยะสั้นเพื่อหวังผลในระยะยาว แต่ความเสี่ยงนี้ทำให้ลาวกำลังมุ่งหน้าไปสู่ภาวะล้มละลาย ต้องโทษรัฐบาล ? จะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ ?
ลาวเป็น 1 ใน 3 ประเทศในอาเซียนที่ติดอยู่ในกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุดของ UN โดยอีกสองประเทศคือกัมพูชาและเมียนมา เพื่อไต่ระดับขึ้นมาให้พ้นจากกลุ่มประเทศกลุ่มนี้ ลาวต้องเพิ่มรายได้ประชากรต่อหัวเป็น 1,230 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 39,101 บาท หรือมากกว่านี้ นอกจากนี้ ยังต้องมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมควบคู่ไปอีกด้วย
โดยรัฐบาลต้องการให้สำเร็จลุล่วงก่อนปี 2563 เพื่อที่จะเพิ่มรายได้ รัฐบาลให้คำมั่นที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ลาวยังต้องการที่จะสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมระหว่างจีนและไทย ในระยะยาว โครงการนี้จะช่วยหนุนการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว แต่ในระยะสั้น จะทำให้การเงินของประเทศมีความเสี่ยง เนื่องจากลาวยังคงต้องจ่ายเงินคืนให้การกู้ยืมในโครงการสร้างเขื่อนที่แม่น้ำโขง ทำให้จำนวนหนี้เพิ่มพูนขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ธนาคารโลกประเมินว่า จีนมีสัดส่วนเป็นเจ้าหนี้สาธารณะของลาวถึง 35% ในปี 2555 และตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 44% ในปี 2558 ตอนนี้ หนี้สาธารณะของลาวคิดเป็น 68% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี โดยประมาณครึ่งหนึ่งของเงินกู้ยืมมาจากจีน ซึ่งการเป็นลูกหนี้ของเจ้าหนี้รายเดียวที่สูงขนาดนี้ ถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้ลาวได้รับผลกระทบอย่างหนักหากเศรษฐกิจของจีนชะลอตัว และการพึ่งพาจีนมากเกินไป จีนอาจใช้สถานการณ์นี้เพื่อกดดันและใช้อิทธิพลเหนือลาวได้
ที่จริง การโทษแต่รัฐบาลเพียงฝ่ายเดียวก็คงไม่ยุติธรรมนัก เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในจีนและประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลกระทบทำให้ลาวมีปัญหาเช่นกัน นี่เป็นปัญหาใหญ่เรื่องประเทศคู่ค้า หากเศรษฐกิจชะลอตัวลดลง ความเสี่ยงเรื่องหนี้ของลาวจะยิ่งเพิ่มขึ้น
รัฐบาลลาวกำลังประสบกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด เพื่อขับเคลื่อนให้การพัฒนาลาวก้าวหน้า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้จ่าย ด้วยเงินทุนที่มีจำกัด รัฐบาลต้องกู้ยืมเงิน ตอนนี้ รัฐบาลได้แต่หวังว่าโครงการต่างๆจะทำรายได้มากพอที่จะจ่ายเงินกู้คืนได้
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์เศรษฐกิจชี้ว่า ลาวยังสูญเงินไปหลายล้านดอลลาร์จากการคอร์รัปชัน โดยอันดับความโปร่งใสในระดับนานาชาติของลาวอยู่ที่ 123 จาก 176 ประเทศ ทำให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งลังเลใจที่จะมาลงทุนและประกอบธุรกิจในลาว รัฐบาลมีทางเลือกจำกัดจึงต้องกู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้สำคัญเพียงรายเดียว
ธนาคารโลกแนะนำว่า ลาวต้องมีความหลากหลายมากขึ้นและลดการพึ่งพาจีนให้น้อยลง รัฐบาลต้องเร่งหาโอกาสทางธุรกิจ การลงทุน และการค้ากับประเทศคู่ค้าอื่นๆ โดยประเทศคู่ค้าสำคัญรายอื่นคือมาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีทองลุน สีสุลิดได้ไปเยือนทั้งสองประเทศเมื่อปีที่แล้วเพื่อเร่งกระชับความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น.