“เว้”ร่ายมนต์ดูดนักท่องเที่ยว
เวียดนามจะบูมท่องเที่ยวอีกครั้ง โดยให้เมืองเว้ ซึ่งเป็นกรุงเก่าและยังเมืองมรดกโลกของยูเนสโก เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวหลังจากในช่วงที่ผ่านมา ทำงานพลาดเป้าหมาย
หนังสือพิมพ์เวียดนาม นิวส์รายงานเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ว่า การท่องเที่ยวท้องถิ่น เมืองเว้ หรือฮเว้ (Huế) เมืองกรุงเก่าของเวียดนาม เมืองมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ตั้งเป้าปั่นดึงยอดนักท่องเที่ยวเพิ่ม หลังจากเมื่อปีที่แล้วมาท่องเที่ยวมาเยือนเพิ่มมากถึง 1.5ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 42.5 เปอร์เซนต์ โดยในกลุ่มนักท่องเที่ยวดังกล่าว เป็นชาวต่างชาติมากถึงครึ่งหนึ่งและมากที่สุดหรือกว่า26 % เป็นชาวเกาหลีใต้
ส่วนคนต่างชาติที่ไปเที่ยวเมืองเว้มากที่สุดลำดับ2-6 ประกอบด้วย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร(อังกฤษ) สหรัฐฯ เยอรมนีและไทย ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่155ล้านดอลลาร์ หรือ ราว 4,960ล้านบาท
การท่องเที่ยวเมืองเว้ ระบุว่า ภาคการท่องเที่ยว พยายามกระจายแหล่งท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น เพิ่มโปรแกรมทัวร์เขตชนบทและอื่นๆ นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเมืองเก่าหรือพระราชวังเก่าที่ได้รับขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก พร้อมตั้งเป้ายอดนักท่องเที่ยวปีนี้ไว้ที่ 42ล้านคนซึ่งคาดว่าจะเป้นต่างชาติกว่าครึ่งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน การท่องเที่ยวท้องถิ่นเมืองเว้ ยังเรียกร้องเอกชนลงทุนพัฒนาร้านอาหารที่ได้มาตรฐานที่รองรับลูกค้าพร้อมๆกันได้คราวละมากถึง2,000คน ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเร่งเปิดเที่ยวบินตรงจากเมืองเว้สู่ประเทศต่างๆที่มียอดนักท่อง เที่ยวสูงรวมทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้และไทย และขอให้ปรับปรุงคุณภาพบริการและพฤติกรรมของสำนักงานสาธารณะและพลเรือนให้ปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวอย่างสุภาพ
เมืองเว้ ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของเวียดนาม แต่ในช่วง 2-3 ปีหลัง การท่องเที่ยวในเมืองเว้มีการพัฒนาไม่ค่อยเต็มที่ เนื่องมาจากกรอบแนวคิดต่อการบริหารจัดการการท่องเที่ยวของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น และเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เพิ่งตื่นตัว ทำการตั้งกองท่องเที่ยวแยกเป็นเอกเทศต่างหาก พร้อมทีมเจ้าหน้าที่คุณภาพเพื่อช่วยภาคท่องเที่ยวให้เติบโตต่อเนื่องและมั่งคง.