แผ่นดินไหวเขย่าจาการ์ตา
พนักงานออฟฟิศวิ่งกรูกันอย่างชุลมุนออกมาจากตึกสูงในกรุงจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 23 ม.ค.หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเขย่าเมือง ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทำให้อาคารพังกว่า 130 แห่งบนเกาะชวาที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น
หน่วยงานทางสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดความรุนแรง 6.0 แมกนิจูดบนเกาะชวา และยกเลิกประกาศความเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิ
พยานผู้อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า หลายคนวิ่งหนีไปตามถนนในกรุงจาการ์ตา และพากันชี้ไปที่ตึกสูงหลายแห่ง โดย Metro TV รายงานข่าวว่า มีการอพยพผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลอย่างฉุกละหุก
โดยแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นห่างออกไป 104 ก.ม.ทางตะวันตกของเมืองซูคาบูมี ลึกลงไป 44 ก.ม. และห่างจากกรุงจาการ์ตาประมาณ 100 ก.ม.
“ ในเมืองเซียนเจอร์ มีเด็กนักเรียน 6 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการน่าเป็นห่วง และนักเรียน 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ตอนที่หลังคาโรงเรียนพังถล่มลงมา” โฆษกของสำนักบรรเทาสาธารณภัยกล่าวในแถลงการณ์ โดยอ้างถึงเหตุการณ์ในจังหวัดชวาตะวันตก
นอกจากโรงเรียนแล้ว บ้านเรือนมากกว่า 130 หลังและมัสยิดหลายแห่งได้รับความเสียหายในจังหวัดชวาตะวันตกและจังหวัดบันเติน
ในกรุงจาการ์ตา สามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทิอนของแผ่นดินไหวได้ประมาณ 10 – 15% แม้หลายคนคิดว่าน่าจะนานกว่านั้น
“ ฉันกำลังจะนั่งลง แล้วก็รู้สึกว่าตึกมันขยับโคลงเคลงไปมา บันไดฉุกเฉินก็แคบมาก ฉันกังวลไปหมดว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนนั้น ” Rudy Tagatorop วัย 35 ปี ซึ่งทำงานที่สถานทูตชิลีกล่าว
ทั้งนี้ อินโดนีเซียตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีความเสี่ยงจะเกิดแผ่นดินไหวมากที่สุด ในปี 2547 สึนามิในมหาสมุทรอินเดียทำให้มีผู้เสียชีวิตไปประมาณ 226,000 รายใน 13 ประเทศ รวมทั้งกว่า 120,000 รายในอินโดนีเซีย
ในเดือน ธ.ค.ปี 2560 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.5 แมกนิจูดบนเกาะชวาและลึกลงไป 92 ก.ม. ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และอาคารในกรุงจาการ์ตาสั่นไหวนานหลายวินาที
ธนาคารโลกประเมินว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติส่งผลกระทบประมาณ 0.3% ของตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย แต่ในปี 2558 รายงานของภาครัฐเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงจากภัยพิบัติระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นทุก 250 ปี ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายได้มากถึง 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (958,500 ล้านบาท) หรือ 3% ของจีดีพี.