มหาเธร์หวนชิงนายกฯมาเลย์
อดีตผู้นำมากประสบการณ์ ผู้พลิกฟื้นมาเลเซีย-ดร.มหาเธร์ มูฮัมหมัด ได้รับการเสนอชื่อจากฝ่ายค้านให้เป็นตัวแทนลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียเมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ดร.มหาเธร์ในวัย 92 ปี ซึ่งเคยถูกวิจารณ์อย่างหนักจากนโยบายการปกครองประเทศในอดีตที่เคร่งครัดเข้มงวดตลอดวาระที่ยาวนานของเขา ต้องหวนคืนสู่แวดวงการเมืองอีกครั้งหลังจากลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปนานถึง 15 ปี
แต่เขาเห็นด้วยที่จะกรุยทางให้กับนายอันวาร์ อิบราฮิม อดีตผู้นำฝ่ายค้านที่ถูกจำคุกอยู่ในขณะนี้ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำหากนายอันวาร์ได้รับพระราชทานอภัยโทษ
การที่เขาได้เป็นตัวแทนจากฝ่ายค้านให้ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกฯเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าการเมืองของมาเลเซียจะมีการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดในอนาคต หลังจากข่าวฉาวเรื่องการทุจริตทำให้คณะรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคอยู่ในสภาวะที่ลำบาก
โดยมหาเธร์ทนไม่ไหวและออกโรงโจมตีนายกฯนาจิบเรื่องการพัวพันกับการคอร์รัปชันในกองทุน 1MDB ของรัฐบาลหลังจากที่เขาเกษียณตัวเองจากแวดวงการเมืองไปนาน ทั้งนายกฯนาจิบจากพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ หรือพรรค
UMNO (ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและปกครองมาเลเซียมาตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อปี 2500) และทางกองทุนต่างปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
ทั้งนี้ การเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือนส.ค.แต่คาดว่าจะเริ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักในอีก 2-3 เดือนหน้า
การตัดสินใจเลือกมหาเธร์ลงเลือกตั้งได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้าพรรคผสม Pact of Hope ในการประชุมที่ชาห์ อลัม นอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ และเรียกเสียงเชียร์ดังกึกก้องจากผู้สนับสนุนนับร้อย
“สิ่งที่เรามุ่งหวังคือการช่วยประเทศของเรา ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พรรคฝ่ายค้านทั้งหลายที่เคยเป็นศัตรูของผมในอดีตจะยอมรับผม แต่พวกเขาตระหนักถึงความสำคัญของการโค่นรัฐบาลปัจจุบันลงให้ได้” มหาเธร์ซึ่งเคยปกครองประเทศมาเลเซียมานานถึง 22 ปีในฐานะหัวหน้าพรรค UMNO กล่าวในสุนทรพจน์ของเขา
โดย นางวัน อซีซาห์ วัน อิสมาอิล ภรรยาของนายอันวาร์ ซึ่งเป็นประธานพรรคยุติธรรมประชาชนได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ พันธมิตรพรรคฝ่ายค้านหวังว่ามหาเธร์ ซึ่งจัดตั้งพรรคการเมืองของตัวเองเพื่อโค่นล้มนายกฯนาจิบ จะสามารถดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจากกลุ่มมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ ซึ่งมีจำนวนมากถึง 60% ของประชากรทั้งประเทศ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า พรรครัฐบาลจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เนื่องจากระบบที่เอื้อกับรัฐบาล ตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีอยู่ในเวลานี้ และฝ่ายค้านเองไม่ค่อยมีความสามัคคีกัน
มีรายงานว่า นายอันวาร์ ซึ่งถูกตัดสินจำคุกในข้อหารักร่วมเพศ จะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 8 ม.ย.นี้ แต่เขาจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีหากไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ.